xs
xsm
sm
md
lg

ปิดเทอมหรือจะกั้น...เด็กเก่งวิทย์-คณิตเข้าค่าย สสวท. เติมความรู้สู่สมอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปิดเทอมแล้ว...เด็กๆ หลายคนคงได้พักผ่อนกันหนำใจ แต่ก็หาใช่ "เนื้อหาวิชาการ" จะต้องขาดหายไปด้วย โดยเฉพาะกับเด็กเก่งวิทย์-คณิตจากบ้านสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี "สสวท." ที่ระหว่างวันที่ 17-21 มีนานี้ สสวท.ได้จัดค่ายเติมความรู้สู่สมองใบ (ไม่) น้อยของเด็กๆ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ขาดช่วงความสนุกสนานจากในห้องเรียน

น้องๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ประกอบด้วยตัวน้อยชั้นประถมทั่วประเทศในโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ประจำปี 2550 ของ สสวท.รวม 38 คนที่แต่ละคนมีดีกรีเหรียญทองการสอบคัดเลือกทั่วประเทศในช่วงชั้นที่ 1 (ป.1-ป.3) และช่วงชั้นที่ 2 (ป.4-ป.6) โดยมีคณาจารย์จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เป็นเจ้าภาพเปิดบ้านให้เหล่าวัยซนมีสถานที่ทำกิจกรรมตลอด 5 วัน

ส่วนกิจกรรมจะสนุกแค่ไหน "ต้นกล้า" กฤษฏ์ บุญศิริเศรษฐ เจ้าตัวจ้อยชั้นป.2 โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งก้มหน้าก้มตาแก้โจทย์เลข "บวก-ลบ-คูณ-หาร" ความยาวครึ่งหน้าซึ่งเพื่อนๆ ตั้งให้ แหงนหน้ามายิ้มโชว์ฟันกระต่ายซี่โตก่อนบอกสั้นๆ ว่า "สนุกและตื่นเต้นที่ได้มาร่วมกิจกรรมมาก"

ทางด้าน "น้องแนท" นัทธ์ ศรีเรือนทอง หนุ่มน้อยชั้น ป.6 โรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานีที่มาไกลถึงแดนดอกบัว "อุบลราชธานี" บอกว่าตื่นเต้นและดีใจมากเช่นกันกับการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ซึ่งในค่ายสำหรับเด็กประถมอย่างพวกเขากลับจะได้ทำกิจกรรมความรู้เบื้องต้นวิชาเคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา และคณิตศาสตร์ของเด็กนักเรียนชั้น ม.ปลาย ที่ไม่เคยพบที่ใดมาก่อน โดยนำมาให้ลิ้มลองกันในรูปของการทดลองต่างๆ มากมาย

ไม่แปลกหากหลายคนจะแสดงอาการประหลาดใจตั้งแต่ย่อหน้านี้ว่าเพราะเหตุใดจึงนำเนื้อหาระดับ ม.ปลาย มาให้น้องๆ ประถมเรียนกัน "อาจารย์เอ" กรกฎ เพ็ชร์หัสณะโยธิน หัวหน้าโปรแกรมเคมีอุตสาหกรรมในฐานะเจ้าบ้านเผยว่า ต้องยอมรับว่าเด็กๆ กลุ่มนี้เป็นเด็กที่มีความสามารถมาก บางคนท่องตารางธาตุได้ชนิดนักศึกษาปริญญาตรียังอาย ลำพังเนื้อหาง่ายๆ อาจทำให้พวกเขาเบื่อมากกว่าจะสนุกสนานไปกับการเรียนรู้ ต่างจากเนื้อหาที่ยากขึ้นมาสักหน่อย ทว่าท้าทายให้มีใจใฝ่เรียนรู้ยิ่งขึ้น

เจ้าบ้านใจดียังบอกด้วยว่า แต่ก็ใช่แต่จะมีเนื้อหาวิชาการอย่างการทำความรู้จักวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา และคณิตศาสตร์ระดับสูง น้องๆ ยังจะได้ทำกิจกรรมสนุกๆ อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการฟังบรรยายเพลินๆ เรื่องหุ่นยนต์จาก ดร.ชิต เหล่าวัฒนา ปรมาจารย์ด้านวิทยาการหุ่นยนต์จากฟีโบ้ กิจกรรมบุกป่าชายเลนในยามเช้า การออกกำลังกาย-เล่นกีฬ่าเพื่อให้มีร่างกายแข็งแรง หรือแม้แต่การแสดงละครวิทยาศาสตร์โดยตัวอาจารย์เอและคณะ

นอกจากนั้น ในโอกาสเช่นนี้ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ยังจะเปิดท้องฟ้าจำลองแห่งเดียวในฝั่งธนบุรีบนชั้น 8 ของตึกคณะให้น้องๆ ได้ชมท้องฟ้าจำลองกันอย่างเต็มอิ่ม ซึ่งหากโชคดีไปกว่านั้นเพราะท้องฟ้าเปิด น้องๆ ทั้งหมดยังจะได้ตั้งกล้องชมดาวด้วยตาตัวเองด้วย

ส่วนอีกกิจกรรมก็มีความน่าสนใจไม่น้อย อาจารย์เอ แจกแจงตารางกิจกรรมต่อไปว่ายังจะมีการให้ความรู้วิทยาศาสตร์ที่เชื่อมโยงเข้ากับศาสตร์แห่งพุทธศาสนาด้วย โดยได้รับความเอื้อเฟื้อจากพระอาจารย์ภาสกร ภาวิไล จากวัดฝายหิน จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้เพื่อให้น้องๆ ได้รู้ว่าการเป็นคนเก่งเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้ประเทศชาติพัฒนาได้ แต่การเป็นคนเก่งควบคู่ไปกับการเป็นคนดีจะทำให้พวกเขาเป็นประโยชน์ต่อสังคมมากกว่า

"มากิจกรรมนี้ก็จะทำให้เด็กๆ ได้ใช้เวลาตอนปิดเทอมให้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่หยุดแล้วนั่งเล่นเกม แต่ได้มาเติมความรู้ใหม่ๆ เช่นรู้ว่าฟิสิกส์ เคมี หรือชีวะเป็นอย่างไร นอกจากนี้เราก็อยากให้เขาได้เรียนรู้ในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านธรรมะหรือสิ่งแวดล้อมที่เด็กควรจะรู้ เพราะพวกเขายังเป็นผ้าขาว ปลูกจิตสำนึกตั้งแต่เป็นเด็ก โตขึ้นไปก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีของสังคม" อาจารย์เอเสริม

ขณะที่คุณพ่อคุณแม่ที่มาให้กำลังใจลูกๆ ทำกิจกรรมยามปิดเทอมอย่าง "กมลทิพย์ เลิศนิทัศน์" คุณแม่ของ"น้องเบ็นซ์" ธนกร เลิศนิทัศน์ เจ้าตัวเล็กชั้น ป.3 จากโรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ ซึ่งพ่วงดีกรีเหรียญทองทั้งด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ บอกอย่างเปิดอกว่า ชื่นใจกับความสามารถของลูกที่พากเพียรด้วยตัวเองมาตลอด ที่แม้ส่วนตัวแล้วน้องเบ็นซ์จะถนัดคณิตศาสตร์มากกว่าวิทยาศาสตร์ แต่ด้วยความตั้งใจ น้องเบ็นซ์ก็กวาดมาได้ทั้ง 2 รางวัล ซึ่งมีไม่กี่คนจากทั่วประเทศที่ทำได้เช่นนี้

สิ่งที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทำได้ดีที่สุด คุณแม่ของน้องเบ็นซ์ พูดตรงกับ "เพ็ญประภา บุญศิริเศรษฐ" คุณแม่ของน้องต้นกล้าว่า คือการสนับสนุนและส่งเสริมลูกในสิ่งที่เขาขาดเหลือเท่าที่ทำได้ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือสื่อความรู้ที่ช่วยเติมเต็มสมองของเจ้าตัวน้อย เพราะลูกๆ ของพวกเธอต่างมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงในศาสตร์ที่พวกเขาหลงรักอยู่แล้ว

และที่ขาดไม่ได้คือความรักความเอ็นดูอย่างห่วงใยจากผู้ปกครอง อย่างในกรณีคุณแม่ของน้องเบ็นซ์ที่เดินทางไกลมาจาก จ.ชัยภูมิ เพื่อมาส่งและให้กำลังใจลูกชาย โดยต้องรีบเดินทางกลับไปประกอบอาชีพในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ซึ่งแม้ตัวน้องเบ็นซ์จะออกอาการงอนไม่น้อยเมื่อคุณแม่ต้องกลับไปก่อน แต่ตัวคุณแม่เองก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะอาศัยเวลาที่ห่างไกลกันตลอด 5 วันนี้ฝึกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนให้มีทักษะการอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ได้ดี เพราะทราบดีว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเขา

"เด็กกลุ่มนี้ต่อไปเขาอาจได้เป็นผู้บริหารประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารหน่วยราชการหรือแม้แต่ผู้บริหารห้างร้านเอกชน ซึ่งพวกเขาต้องมีความรู้วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เป็นคนที่คิดอย่างมีเหตุมีผล และจะเก่งวิชาการอย่างเดียวไม่พอ เขาจะต้องพัฒนาทั้งด้านไอคิวและอีคิวด้วย แม้วันหนึ่งเขาเติบโตและพบว่าตัวเองไม่ได้มุ่งไปด้านวิทยาศาสตร์อีก แต่ความรู้เหล่านี้ก็จะยังคงติดตัวเขาไปบ้างไม่มากก็น้อย" ดร.ประเทือง อัมพรภักดิ์ หัวเรือใหญ่ของการจัดค่ายฯ จากภาควิชาคอมพิวเตอร์สรุปทิ้งท้าย







กำลังโหลดความคิดเห็น