∞ สวัสดีวันเสาร์บ่ายๆ กลางเดือนที่ 3 ของปี "ไซน์กระซิบ" มาสายไปนิดก็ขอแฟนๆ โปรดอภัย ด้วยคอมพิวเตอร์เจ้ากรรมดันทำพิษ เปิดไม่ขึ้นซะงั้น ครั้นจะปล้ำแก้ไขคงใช้อีกหลายเพลา เลยรีบมาเจรจาเรื่อง "คันปาก" อยากบอกกันดีกว่า ∞
∞ เวลานี้ใครจะคัดค้าน "ยูคาลิปตัส" อย่างไร "ทั่นวุฒิพงศ์" ก็คงไม่สนแล้ว ต่อให้ยกหลักฐานงานวิจัยจากทั่วโลกมากางให้ดู "เจ้ากระทรวงโยธี" ก็บอกได้อย่างไม่แยแสว่า "คนจะต่อต้านก็ต่อต้านไปแต่ผมจะทำ" พร้อมทั้งกอดงานวิจัยแถวบางเขนมาบั๊ฟตลอดว่า "มีงานวิจัยยืนยันนะว่ายูคาดี" ส่วนงานวิจัยที่ทั่วโลก "ฟันธง" ว่ายูคาคือ "ไม้ปีศาจ" นั้นเจ้ากระทรวงจากแปดริ้วก็ตอบได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจว่านั่นคืองานเก่าแล้วจะมาสู้งานวิจัยใหม่แห่งค่ายบางเขน (ซึ่งไม่ระบุแหล่งทุนวิจัย) ได้อย่างไรกัน...
...ไม่รู้ว่าเป็นกลยุทธผลักดันให้ปลูกยูคาหรือไม่ แต่ "รมต.กระทรวงพลังงาน" เอ๊ย "รมต.กระทรวงวิทย์" ก็เตรียมสั่งซื้อเครื่องจักรผลิตเชื้อเพลิงจากไม้ที่เรียกกันว่าเทคโนโลยี "บีทีแอล" มาประเดิมแล็บสักแห่งแต่ยังไม่กำหนดว่าที่ไหนจะถูกหวย พร้อมบอกว่าเป็นภาระเร่งด่วนท่ามกลางปัญหาน้ำมันแพง แต่เอาเข้าจริงๆ นักวิจัยที่เข้าอยู่ในแวดวงก็บอกว่ายังไม่คุ้มหรอกที่จะลงทุนเทคโนโลยีนี้ในเชิงพาณิชย์ อย่างเก่งก็วิจัยตามเทคโนโลยีไปก่อนเพราะกว่าจะเกิดกันได้จริงๆ ก็อีกหลายสิบปี สู้เอาไปเผาเพื่อผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าโดยตรงจะคุ้มเสียกว่า..
...พอถามถึงพลังงานทดแทนอื่นๆ "รัฐมนตรียูคา" ก็ตอบทันควันว่ามันขายได้ราคาไม่คุ้มเท่ายูคา พร้อมระบุยังเหลือพื้นที่ปลูกยูคาบนที่ดอนอีกตั้ง 20 ล้านไร่ โดยรวมๆ เฉพาะอีสานที่เดียวก็มีพื้นที่ให้ปลูกยูคาตั้ง 300 ล้านไร่ ทำเอาคนได้ยินใจถึงกลับอึ้งใจคอจะให้ปลูกยูคากันอย่างเดียวหรือยังไง ไม่ห่วงระบบนิเวศน์กันบ้างหรือ สุดยอดรัฐมนตรีวิทย์ก็แจงขึ้นอยู่กับการจัดการ แต่แหม...จะจัดการอย่างไรได้ถ้าตั้งเป้าจะให้อีสานปลูกยูคากันเต็มพื้นที่ซะขนาดนั้น...
...แรกทีเดียวก็เข้าใจว่าที่จะสนับสนุนให้ปลูกยูคากันเยอะๆ ก็เพื่อรองรับเครื่องผลิตน้ำมันจากไม้ที่จะนำเข้าจากแดนเกอิชา แต่ซักไปซักมาก็เผยไต๋ว่าขึ้นอยู่ปริมาณที่เหลือจากอุตสาหกรรมอื่น และ "อุตสาหกรรมอื่น" ที่ว่าก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับบริษัทเอกชนทั้งหลายที่พัฒนาสายพันธุ์ยูคาใหม่มาป้อนธุรกิจผลิตกระดาษตามที่ "ทั่น" หลุดปากกลางห้องแถลงข่าวหรือเปล่า ∞
∞ แว่วดังมาแต่ไกลจากป่าสะแกราชว่า "รมว.วุฒิพงศ์" หลังจากรับฟังประวัติความเป็นมาของป่าสะแกราชจากเจ้าหน้าที่ของ วว. แล้วก็เกิดไอเดียอยากสนับสนุนให้อนุรักษ์ป่าธรรมชาติ...ว้าว...แต่..เอ๊ะ! ยังไม่หมด เพราะเจ้ากระทรวงวิทย์อยากให้แถมด้วยปลูก "ป่าเศรษฐกิจ" ไว้ล้อมรอบเพื่อใช้ประโยชน์...อะแฮ่ม! "หนูไซน์" รู้นะว่าป่าเศรษฐกิจที่ว่าน่ะจะต้องมี "ยูคา" รวมอยู่ด้วยแหง ∞
∞ แต่สงกะสัยว่า "ทั่นวุฒิพงศ์" จะออกแรงในการบุกป่าฝ่าดงไปชมไก่ฟ้าพญาลอซะจนเหนื่อย กลับออกจากป่าเลยต้องใช้บริการนวดแผนไทยที่ทางสถานีวิจัยสะแกราชเขาจัดไว้มาบริการแขกเหรื่อและนักท่องเที่ยว มีเสียงกระซิบบอกว่าป้าๆ คิดค่าแรงนวดแค่ 100 ฝ่าๆ เอ๊ง แต่ป้าคงจะนวดได้ใจ "พี่โก้" เลยให้ทิปแถมค่านวด รวมแล้วก็เป็นแบงค์สีเทาๆ 1 ใบ ∞
∞ ยังเม้ากับไม่จบกับท่าน รอมอตอ เมื่อคราวไปเยี่ยมชม "สวทช." ถึง "ไซน์ปาร์ก-แดนดงคนวิจัย" เมื่อสัปดาห์ก่อนโน้น "พี่โก้" ยังคงผุดไอเดียแจ่มๆ มาเป็นสีสันให้เราเสมอ อย่างแรกอยากเห็นจีเอ็มโอทำดอกเฟื่องฟ้าให้ครบ 3 สี เอามาจัดสวนเป็นริ้ว "ธงไตรรงค์" เรียงกันไปเลย แดง-ขาว-น้ำเงิน...เรียกเสียงฮือและฮากันขรม ครั้นพอถามถึงกฎหมายไบโอเซฟตี เจ้าตัวกลับออกอาการงง "ถ้าลงรายละเอียดลึกๆ ผมไม่ทราบหรอก" จน ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน ต้องเข้าไปกระซิบอธิบายถึงกฎหมายที่ว่า ∞
∞ ยังไม่หมดเท่านี้ เพราะคลังสมองของทั่นวุฒิพงศ์ ยังมีทีเด็ดอีกเยอะ เพราะหลังจากเยี่ยมชมสถาบันมาตรวิทยาไปเมื่อหลายวันก่อน...ทำให้ทั่นครุ่นคิดถึงขนาด "วันหยุด" ฯพณฯ ท่านยังหอบหิ้วงานกลับไปคิดข้ามคืนถึงที่บ้าน พอเจอสื่อเลยขอแถลงถึงสิ่งที่พบว่า...ไอปรอทในหลอดฟลูออเรสเซ็นต์ที่เราทิ้งๆ กันเป็นมหันตภัยร้ายที่บั่นทอนสุขภาพ-สิ่งแวดล้อม...(มิน่าล่ะฝรั่งถึงนิยมใช้หลอดไส้)...ครั้นจะให้ทำอย่างไร ทั่นวุฒิพงศ์เลยขอทำงานข้ามกระทรวง (รอบที่เท่าไร ใครก็ได้ช่วยนับที) อาสาเป็นผู้ถือสารไปบอกกระทรวงทรัพย์ ของ "อนงค์วรรณ เทพสุทิน" ให้ ∞
∞ เอ๊ะ! รึว่าหน้าที่ของ "รัฐมนตรี" หนักไป...จน "ทั่นวุฒิพงศ์" ถึงกับเปรยออกมาว่าพักนี้ไม่ค่อยได้พักผ่อน ก็แหม่งานดูแล "กระทรวงวิทยาศาสตร์การพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการเกษตรของรากหญ้าและยูคาลิปตัส" เนี่ยมันหนักหนาอยู่ จนทำให้ต้อง "กลับดึกตื่นเช้า" จากฉะเชิงเทราเข้ากระทรวงที่ซอยโยธี และยังต้องออกทัวร์ชมหน่วยงานในสังกัดแทบทู้กกก..วัน เลยเป็นเหตุให้ "สุขภาพ" ทรุดลงไปบ้าง... เลยทำให้ท่านมาล่ากว่ากำหนดการอยู่หลายบ่อย...ยังไง "หนูไซน์" ก็ขอให้ "ทั่น" พักผ่อนเยอะๆ นะเจ้าคะ เพราะถ้า "ท่านรัฐมนตรี" "หยุดงาน" หนูไซน์ก็คงต้อง "หยุดเม้าท์" ด้วย...อุ๊บ! ∞
∞ ศุกร์ที่ผ่านมา ในการประชุมงานวิจัยชุดโครงการ "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบต่อประเทศไทย" ที่ สกว. "สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย" เขาเป็นเจ้าภาพ "หนูไซน์" ก็แอบดอดไปเก็บข่าวที่งานด้วย ก็ยอมรับว่ามีทั้งที่ฟังหูกระดิกบ้างไม่กระดิกบ้างเพราะมีศัพท์แสงวิชาการเต็มไปหมด อันไหนที่ไม่เข้าใจก็ยอมรับและขอให้อธิบายเพิ่มแบบขออนุญาตไม่เกรงใจ ด้วยหวังจะเก็บสาระมาฝากนักอ่าน...
...ครั้นพักเบรก ถึงได้ยินเสียงบ่นจากนักชีววิทยาว่า มีการพูดศัพท์แสงวิทยาศาสตร์ของนักวิจัยต่างสาขาเต็มไปหมด ไม่เฉพาะแต่ "หนูไซน์" เจ้าตัวก็ยอมรับว่าข้ามไลน์เมื่อไร ก็มีไม่เข้าใจเหมือนกัน...แหม ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก ก็ใครมันจะไปรู้ไปเก่งทุกเรื่องได้ล่ะ แถมคงไม่ใช่แหล่งข่าวท่านนี้ท่านเดียวแน่ๆ ที่มีช่องว่างทางวิชาการอยู่ เพราะชุดโครงการที่ว่าคงจะรวมนักวิจัยจากหลากหลายสาขาเข้าด้วยกัน "หนูไซน์" จึงแอบเจ้ากี้เจ้าการกระซิบบอก...ยิ่ง สกว.อยากจะสร้างเครือข่ายนักวิจัยในเรื่องสภาพอากาศมากเท่าไร ก็อย่าลืมที่จะอุดช่องว่างเหล่านี้ด้วย เพราะถ้านักวิจัยยังไม่อาจคุยด้วยภาษาเดียวกันได้แล้ว ก็เห็นทีโครงการที่วาดหวังให้สวยหรูก็อาจจะไปได้ไม่ไกลก็ได้นะเจ้าคะ ∞
∞ ช่องว่างของนักวิชาการกับนักข่าวกำลังจะแคบลง ด้วย "ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์" แห่ง "ไซน์ปาร์ก" ที่เพิ่งเปิดตัวกันไปเมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ไฉนเจ้าหน้าที่ในองค์กรกลับไม่รู้ว่ามีหน่วยงานนี้อยู่ กว่าจะติดต่อศูนย์สื่อสารได้แต่ละที ต้องผ่านระบบสื่อสารหลายต่อหลายทอด...เอ...หรือเริ่มจากสื่อสารในองค์กรให้ชัดเจนก่อนจะสื่อสารกับคนภายนอกดีไหมหนอ...
...ด้าน "ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล" ได้รับเกียรติให้ขึ้นแท่น "ประธานกรรมการบริหาร" ของ "ไซน์มีเดียเซ็นเตอร์" แต่เจ้าตัวก็ยังออกตัวว่าไม่น่าจะเป็นตัวแทนของนักข่าวสายนี้ เพราะพูดถึงข่าววิทยาศาสตร์บ้างก็เมื่อเป็นข่าวสำคัญของแต่ละวันเท่านั้นเอง งานนี้เลยได้ยินเจ้าตัวเปรยว่าที่ได้ตำแหน่งดังกล่าวคงเป็นเพราะ "แก่" ...
... ดูเหมือนเสียงตอบรับ "ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย" จะไม่ค่อยเป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดากระจอกข่าว และยังรวมไปถึงแฟนประจำข่าววิทย์ด้วยที่ออกมาแสดงความเห็นต่างๆ นานา "ไซน์กระซิบ" ก็หูดี แอบได้ยิน "ดร.ศักรินทร์" ผอ.สวทช. ยังเอ่ยปากกับ รักษาการ ผอ.ศูนย์ฯ ทำนองว่า "รู้สึกว่าจะมีคนไม่ค่อยสนับสนุนสักเท่าไหร่ เห็นได้จากในเว็บผู้จัดการ คงกลัวว่าจะออกมาไม่ดี หรือจะไปซ้ำกับของเก่า เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้ออกมาดีให้ได้" ...
... "หนูไซน์" ก็หวังให้ "ศูนย์สื่อสาร" สามารถสื่อสารได้ตามเป้าประสงค์ดั่งว่าจริงๆ แต่ที่หลายๆ คนไม่แน่ใจหรือส่งเสียงทำนองกังขา ใช่ว่าจะไม่หนับหนุน แต่อดไม่ได้ตามประสา...อย่าลืมว่า องค์กร-หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลไทย (ส่วนใหญ่) ชอบตั้งศูนย์นั่น นี่ โน่น ผุดกันขึ้นมามากมาย แรกๆ นายสนใจก็เห่อกันไป พอนายหน่ายศูนย์ก็เหลือศูนย์เป็นหมันทิ้งร้างกันไป...อย่างบางศูนย์บางหน่วยในกระทรวงวิทย์เอง อย่าให้หนูไซน์ได้เอ่ยเลย...
... สำหรับ "ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย" "หนูไซน์" ขอช่วยโฆษณาให้หน่อยละกัน ศูนย์นี้จะช่วยประสานงานระหว่างนักวิทยาศาสตร์และกับนักข่าว (และอาจจะขยายถึงประชาชนทั่วไปในอนาคต) โดยหวังจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมทางด้านวิทยาศาสตร์ในประเด็นข่าวร้อนๆ ตามหน้าสื่อต่างๆ เพื่อนๆ สื่อคนไหนสนใจอยากใช้บริการ หรือพี่นักวิทยาศาสตร์ผู้ใดอยากร่วมเป็นสมาชิกให้ความรู้ลองติดต่อศูนย์ได้ที่โทรศัพท์ 0-2564-7000 ต่อ 1460, 1461 หรือ e-mail : thaismc@nstda.or.th ... ช่วงนี้ศูนย์กำลังตั้งไข่ อาจมีขลุกขลักบ้างตามประสานะจ๊ะ ∞
∞ หลายคนอาจมองว่าคนจะทำข่าววิทยาศาสตร์ต้องจบวิทย์มาเท่านั้น สำหรับ "หนูไซน์" แล้วไม่จำเป็นเลยสักนิด อย่างในวงสัมมนาปัญหาในการทำข่าววิทยาศาสตร์ เมื่อต้นสัปดาห์...ตัวแทนจากนิตยสารวิทยาศาสตร์ฉบับหนึ่งที่ระบุว่าจบวิทย์มา เลยไม่ค่อยจะมีปัญหาในการทำงานสักเท่าไหร่ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ยังมีความรู้อีกหลายสาขาที่เจ้าตัวไม่รู้จัก และรู้สึกว่าเป็นเรื่องยาก...
...มันก็แน่อยู่แล้ว "นักข่าว" นะจ๊ะไม่ใช่ "กูเกิล" ที่จะได้รู้ไปเสียทุกอย่าง แม้แต่ท่าน "ด็อกเตอร์" ทั้งหลายก็ตามเถอะ ลองไปถามอะไรในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้เรียนมาสิ ยากที่จะกล้าอวดภูมิ...
...ข่าววิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่ใหม่มากๆ สำหรับเมืองไทย หากทั้งนักวิทยาศาสตร์และนักข่าวไม่ทำความเข้าใจซึ่งกันและกันก็ยากที่ข่าวด้านนี้จะเติบโตเหมือนข่าวสายอื่นๆ อีกทั้งต้องเข้าใจว่าข่าวคือ "สิ่งใหม่" วันนี้มาพรุ่งนี้ก็ไป สิ่งที่เข้าใจว่าถูกในวันนี้ก็อาจเป็นสิ่งที่ผิดในวันรุ่งขึ้น จึงไม่ต้องแปลกใจหากได้ยินคำว่า "หนังสือพิมพ์คือวรรณกรรมอายุสั้น" ไม่งั้นคุณๆ จะเอาไปเช็ดกระจกทำไม ∞
∞ ก่อนจากอำลา ขอโฆษณาแบบไม่มีใครขอให้ทำ... จะมีงานประชุมวิชาการของ สวทช. ประจำปี 2551 หรือเรียกเล่นๆ ว่า NAC 2008 ระหว่างวันที่ 24-26 มีนาคมที่จะถึงนี้ ระหว่างงานนนี้ยังผนวกด้วย ถึงการจัดการประชุมวิชาการระดับชาติครั้งแรกของประเทศด้านประสาทวิทยาศาสตร์ (The First National Conference on Neuroscience) ระหว่างวันที่ 25-26 มี.ค. ที่ไซน์ปาร์ก ปทุมธานี ใครสนใจติดตามรายละเอียดได้ที่ www.nstda.or.th/nac2008 หรือ http://neurosci.kku.ac.th
∞ วันนี้ "หนูไซน์" ขี้โม้มากไปหน่อย ก่อนลาไปใครอยากคุยกับ "ไซน์กระซิบ" ก็ส่งข้อความมาได้ที่ scigossip@gmail.com เช่นเคยนะคะ ∞