xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการโรงกลั่นเอสโซ่ระบุไทยต้องพัฒนาพลังงานหมุนเวียนให้มาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ปรุต จาติกวนิช" ผู้จัดการโรงกลั่นเอสโซ่และระบุอนาคตยังต้องพึ่งน้ำมัน แต่ต้องพัฒนาเทคโนโลยีลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ระบุไทยน่าจะทุ่มทำงานวิจัยด้านพลังงานหมุนเวียนให้มาก เพราะฟรี สะอาด และช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ และระหว่างนี้ช่วยกันได้โดยลดการใช้พลังงาน

นายปรุต จาติกวนิช กรรมการและผู้จัดการโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ ศรีราชา จ.ชลบุรี กล่าวบรรยายพิเศษในฐานะศิษย์เก่าวิทยาศาสตร์ดีเด่น ประจำปี 2550 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายในงานประชุมวิชาการครั้งที่ 16 ประจำปี 2551 ของคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระหว่างวันที่ 13-14 มีนาคม 2551 หัวข้อ "พลังงานของอนาคต" โดยกล่าวถึงภาพรวมพลังงานระหว่างปี ค.ศ.1980-2030 ทั้งนี้เขาเป็นศิษย์เก่าสาขาวิชาเคมีเทคนิค คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ผู้จัดการโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่กล่าวว่าปัจจุบันมีประชากร 1,600 ล้านคนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้กระจายอยู่ทั่วโลก และ 2,400 ล้านคนต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงเพื่อหุงหาอาหารจากมูลสัตว์และไม้ ซึ่งคนเหล่านี้มีความต้องการให้ชีวิตดีขึ้นและมีความต้องการใช้พลังงานมากขึ้นเพื่อให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น จึงต้องมีกลุ่มคนที่ออกไปหาพลังงานมารองรับความต้องการ แต่ต้องเป็นพลังงานที่ใช้ได้และหาซื้อได้ ไม่ใช่พลังงานที่ซื้อแล้วทำให้ล้มละลาย ทั้งนี้มีการประเมินว่ามีน้ำมันในโลก 3 ล้านล้านล้านบาเรล โดยปัจจุบันโลกใช้ไปแล้ว 1 ใน 3 ส่วนของโลก

ความต้องการใช้พลังงานกับเศรษฐกิจจะเติบโตไปคู่กัน โดยเศรษฐกิจจะโตมากในประเทศกำลังพัฒนาและค่อนข้างคงที่ในประเทศพัฒนาแล้ว ความต้องการใช้พลังงานจากปี 1980-2005 เพิ่มขึ้นปีละ 1.8% และจากนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 1.3% ซึ่งเมื่อถึงปี 2030 จะมีความต้องการใช้พลังงานวันละ 325 ล้านบาเรล ในความต้องการใช้พลังงานนั้นเป็นน้ำมันและก๊าซ 60% แต่ในการเติบโตของพลังงานเชื้อเพลิงชีวมวลได้แก่เอทานอลและไบโอดีเซลจะเติบโตเร็วถึง 8.7% แต่ก็จะถูกจำกัดจากการสนับสนุนจากรัฐ พื้นที่เพาะปลูกและน้ำ

การจะตอบสนองความต้องการใช้น้ำมัน 325 ล้านบาเรลต่อวันในอนาคตนั้นนายปรุตกล่าวว่าขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่จะใช้ขุดเจาะน้ำมันซึ่งปัจจุบันมีน้ำมันในแนวนอน แต่ปัญหาภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเป็นความท้าทายใหญ่ของการหาพลังงานโดยไม่ให้พลังงานนั้นทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งจำเป็นต้องพัฒนาเทคโนโลยีที่จะช่วยลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ โดยปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่จะสามารถนำคาร์บอนที่เกิดจากกระบวนการผลิตน้ำมันกลับลงไปฝังยังใต้ดินได้ แต่ก็ยังคงต้องพัฒนาเทคโนโลยีต่อไป

"โดยสรุปแล้วโลกมีความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น 40 % โดยที่ยังต้องใช้พลังงานฟอสซิล ทั้งนี้คาร์บอนไดออกไซด์จะตามมาพร้อมกับการใช้พลังงานที่มากขึ้น แต่คนที่หาพลังงานก็ยังต้องเอาให้ได้และต้องลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย ซึ่งเทคโนโลยีคือสิ่งสำคัญที่จะตอบสนองความต้องการพร้อมทั้งลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้"

อย่างไรก็ดีนายปรุตกล่าวว่าสำหรับประเทศไทยแล้วควรจะมุ่งวิจัยด้านพลังงานหมุนเวียนเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายและน่าจะทุ่มวิจัยให้มากเพราะเป็นพลังงานที่ได้ฟรีและสะอาด อีกทั้งเรื่องของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศจะช้าไม่ได้แต่ผู้บริโภคก็ไม่ควรตีโพยตีพายและไม่ทำอะไรเลย สิ่งที่จะทำได้คือการประหยัดพลังงานซึ่งการลดใช้พลังงานก็เท่ากับการลดการปล่อยคาร์บอนจากการผลิตไฟฟ้า.
กำลังโหลดความคิดเห็น