"วุฒิพงศ์" วิตกไทยใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ เมื่อทิ้งแล้วไอปรอทเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ระบุไทยมีแค่ "โตชิบา-ฟิลิปส์" ที่กำจัดได้ แต่ยังไม่มีแผนแน่ต้องประสาน ทส.ว่าจะรับมือเช่นไร แค่ต้องการประกาศให้ประชาชนรับทราบปัญหา ด้านเอ็มเทคเผยอาจใช้ "หลอดแอลอีดี" ทดแทนแต่ยังต้องใช้เวลาพัฒนาเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน
สืบเนื่องจากการเยี่ยมชมการดำเนินงานของสถาบันมาตรวิทยา (มว.) เมื่อสัปดาห์ก่อน (28 ก.พ.51) นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี บอกว่าได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับหลอดฟลูออเรสเซนต์ซึ่งจะให้แสงสว่างได้ต้องมีไอปรอท ซึ่งเมื่อแตกแล้วจะปล่อยสารอันตรายสู่สิ่งแวดล้อม จึงรู้สึกตกใจเนื่องจากไทยตั้งเป้าจะเป็นครัวของโลก
ทั้งนี้ เขาได้ให้สัมภาษณ์ระหว่างการเยี่ยมชมสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เมื่อวันที่ 3 มี.ค.51 ที่ผ่านมาว่า ในไทยนั้นมีบริษัทเอกชน 2 รายคือ "โตชิบา" และ "ฟิลิปส์" ที่สามารถกำจัดขยะจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ได้ ซึ่งทั้งสองบริษัทผลิตหลอดไฟออกมาขายให้ประชาชนก็ต้องหาทางรับผิดชอบในการกำจัด
ส่วนจะให้ประชาชนนำหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่ใช้งานแล้วไปทิ้งที่ไหน นายวุฒิพงศ์ระบุว่า ยังไม่กำหนด เพียงแต่เบื้องต้นต้องการประกาศให้ประชาชนรับทราบถึงอันตรายก่อน จากนั้นจะทำหนังสือส่งไปให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เพื่อหากทางแก้ปัญหาต่อไป
"ที่ต่างประเทศเขานิยมใช้หลอดไส้กันมากกว่า มีเพียงหน่วยงานราชการที่ใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ ประชาชนเขาใช้หลอดไส้ หลอดแสงจันทร์ แต่ของไทยเราหนักเรื่องพลังงานจึงประโคมให้ใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์"
"การจะทิ้งหลอดไฟต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปรีไซเคิล ผู้ที่ผลิตขายก็ต้องรับไปกำจัด แต่สำหรับไทยไม่มีใครมาบอกว่ากำจัดอย่างไร ก็ทิ้งกันหมด ถึงต้องส่งสัญญาณ" นายวุฒิพงศ์กล่าวพร้อมระบุว่ากระทรวงวิทยาศาสตร์จะรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้
ทางด้าน ดร.วีระศักดิ์ อุดมกิจเดชา ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) กล่าวว่าอาจนำหลอดแอลอีดี (LED) หรือไดโอดเปล่งแสงมาใช้แทนหลอดฟลูออสเรสเซนต์ได้ โดยหลอดไฟดังกล่าวอาศัยหลักการเรืองแสงเช่นเดียวกันและการใช้งานก็ประหยัดไฟพอๆ กัน แต่ใช้งานได้นานกล่าว 5-6 เท่า ที่ผ่านมาก็มีการประยุกต์ใช้หลอดแอลอีดีกับไฟเบรกของรถยนต์
อย่างไรก็ดีการใช้หลอดแอลอีดีเพื่อส่งสว่างนั้นยังมีข้อจำกัดที่ราคาแพง และต้องพัฒนาให้เหมาะสมกับการใช้งานแทนหลอดฟลูออเรสเซนต์ ซึ่งยังบอกไม่ได้ว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่.
