xs
xsm
sm
md
lg

อีก 3 ปีเกิดชุมชนวิจัยในปทุมธานี ย้าย 4 ศูนย์หลีกทางให้เอกชนเข้าวิจัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผอ.ไซน์ปาร์กเผย 3 ปีจะเกิดชุมชนวิจัยย่อมๆ ใน จ.ปทุมธานี ครอบคลุม ไซน์ปาร์ก มธ.รังสิต และเอไอที พร้อมแก้ปัญหาเฉพาะหน้าสั่งย้ายศูนย์วิจัยบางส่วนออกจากพื้นที่หลีกทางให้ภาคเอกชนเข้าลงทุน แย้มสาเหตุที่โครงการล่าช้าเกือบ 10 ปีเพราะไม่มีงบประมาณ วอนอย่าใจร้อนหวังเห็นผลในทันใด ขนาดต่างชาติยังใช้เวลาถึง 20 ปี ด้านเอกชนยาหอมได้รับบริการประทับใจ แต่ติงมีช่องว่างอีกมากให้เร่งพัฒนา

ดร.เจนกฤษณ์ คณาธารณา ผอ.อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (ไซน์ปาร์ก) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในโครงการก่อสร้างอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 15 ก.พ.51 ว่า ขณะนี้โครงการกำลังอยู่ในระยะเริ่มต้นของเฟสที่ 2 คือการดึงภาคเอกชนมาลงทุนวิจัยพัฒนา จากปัจจุบันมีเอกชนเข้าใช้พื้นที่แล้ว 57 ราย หรือมากกว่า 90% ของพื้นที่ที่จัดไว้ อีกทั้งมีเอกชนไทยและต่างชาติเข้าคิวใช้พื้นที่เพิ่มอีกราว 10 ราย

สำหรับภาพรวมของโครงการก่อสร้างทั้งหมด ดร.เจนกฤษณ์ กล่าวว่า การก่อสร้างทั้ง 3 เฟสน่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 ปีเพื่อให้เกิดชุมชนวิจัยใน จ.ปทุมธานี ขึ้นหลังการก่อสร้างกลุ่มอาคารนวัตกรรม 2 แล้วเสร็จด้วยงบประมาณราว 1,800 ล้านบาทเพื่อขยายพื้นที่ใช้งานรองรับเอกชนที่เข้ามาใช้พื้นที่ได้ถึง 200 ราย

ขณะเดียวกันเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้านี้ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทยกำลังเร่งจัดสรรพื้นที่ใช้งานเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการผลักดันให้หน่วยงานบางส่วนของศูนย์แห่งชาติทั้ง 4 ในสังกัด สวทช.ไปอยู่ในพื้นที่ของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ซ.โยธี กรุงเทพฯ ทั้งศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งชาติ (ไบโอเทค) ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) และศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค)

นอกจากนั้นแล้ว ยังได้ประสานไปยังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เพื่อขอใช้พื้นที่ของคณะวิทยาศาสตร์ด้วย โดยชุมชนวิจัยที่จะเกิดขึ้นในเบื้องต้นจะครอบคลุมพื้นที่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) ก่อนเป็นจุดแรก จากนั้นจึงขยายไปยังชุมชนข้างเคียงเพื่อบรรลุเป้าหมายการสร้างให้ จ.ปทุมธานี เป็นเมืองวิทยาศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทยต่อไป

ดร.เจนกฤษณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวคิดการสร้างเมืองวิทยาศาสตร์นี้จะมีลักษณะใกล้เคียงกับเมืองซินจู ประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นเมืองที่ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ได้มากถึง 10% ของทั้งหมด โดย จ.ปทุมธานีมีศักยภาพที่ดี มีหน่วยงานวิจัยต่างๆ กระจายอยู่มากมาย มีมหาวิทยาลัยในพื้นที่มากกว่า 10 แห่ง ตลอดจนมีนิคมอุตสาหกรรมถึง 3 จุดในละแวกเดียวกัน

ทั้งนี้ ดร.เจนกฤษณ์ ได้อธิบายถึงความล่าช้าของโครงการที่ควรจะแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2544 ซึ่งเป็นคำถามที่สังคมให้ความสนใจด้วยว่า เกิดจากความล่าช้าด้านการจัดสรรงบประมาณเป็นหลัก ส่วนที่มีการตั้งคำถามถึงผลความคุ้มค่าของการลงทุน เขาชี้แจงว่า ยังต้องอาศัยเวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะเห็นผลได้ ซึ่งอุทยานวิทยาศาสตร์ในต่างประเทศกว่าจะทำให้เห็นผลความสำเร็จชัดเจนก็ต้องอาศัยเวลานานถึง 20 ปี ขณะที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทยยังมีอายุได้เพียง 5 ปีเท่านั้น

ด้านความพึงพอใจของเอกชนที่เข้าใช้พื้นที่ ดร.กฤษณ์ จงสฤษดิ์ กรรมการผู้จัดการ บ. โมบิลิส ออโตมาต้า จำกัด อดีตนักวิจัยจากศูนย์เนคเทคที่ผันตัวมาเปิดบริษัทประกอบกิจการด้านระบบควบคุมการเคลื่อนที่ เครื่องจักรอัตโนมัติ และระบบเก็บข้อมูล แสดงความคิดเห็นว่า อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทยได้ให้การสนับสนุนเอกชนที่เข้ามาใช้พื้นที่ได้ดีระดับหนึ่ง โดยบริษัทมีอัตราการเติบโตถึง 180% เมื่อปีที่ผ่านมา สร้างรายได้ราว 7 ล้านบาทจากเงินลงทุนเดิมเพียง 2 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี เขาพบว่ายังมีช่องว่างอีกมากที่ควรมีการสำรวจและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นต่อไป เช่น การทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และให้คำชี้แนะด้านการลงทุน ซึ่งอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทยยังขาดข้อมูลและไม่อาจให้คำปรึกษาแก่เอกชนได้มากนัก จนทำให้เอกชนที่หาทางออกไม่ได้มองว่าไม่ได้รับความช่วยเหลือมากเท่าที่ควร


กำลังโหลดความคิดเห็น