รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ระเบิดไอเดีย “ปลาร้าจืด” เป็นนวัตกรรมอาหารไทยคุณค่าสูงเทียบชั้นซุปมิโซะของญี่ปุ่น ใช้เป็นอาหารเสริมนักกีฬา เผยส่งต่อให้ ผอ.สวทช.พัฒนา ชี้เป็นแหล่งของกรดอะมิโนที่สำคัญ คนอีสานกินแล้วร่างกายแข็งแรง แก้จุดอ่อน “เค็มจัด-กลิ่นแรง” ทำให้กินไม่ได้มากเพราะอาจไตพัง
นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 14 ก.พ.51 ว่า เขาได้สั่งการให้ รศ.ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน ผอ.สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ไปศึกษาความเป็นไปได้ของการนำภูมิปัญญาไทยคือ “ปลาร้า” ไปทำเป็นนวัตกรรม “ปลาร้าจืด” อันจะเป็นการนำความรู้วิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวันสร้างมูลค่าเพิ่มได้
ทั้งนี้ เขาชี้ว่า ปกติแล้วปลาร้าถือเป็นอาหารพื้นเพของชาวอีสาน แต่บริโภคไม่ได้มากเพราะมีรสชาติเค็มจัด อาจทำให้ไตพังได้ ทั้งที่ปลาร้าเป็นอาหารที่มีองค์ประกอบที่เป็นกรดอะมิโนซึ่งเป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการอยู่มาก เพราะช่วยในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและสร้างความเจริญเติบโตแก่ร่างกาย เมื่อบริโภคแล้วจึงทำให้ร่างกายแข็งแรง
ดังนั้น การพัฒนาปลาร้าจืดจึงเป็นแนวทางใหม่ของการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารไทยดังกล่าว ซึ่งเปรียบได้กับถั่วเน่าอัดเม็ดของภาคเหนือ และซุปมิโซะของชาวญี่ปุ่นซึ่งมีลักษณะคล้ายเต้าเจี๊ยวที่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญคือ “ไลซีน” (ซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง) ที่ตัวเขาเองมีโอกาสได้บริโภคเป็นอาหารเสริมพบว่าทำให้มีสุขภาพผมดี ซึ่งหากนำไลซีนผสมลงไปในปลาร้าจืดแล้วก็จะยิ่งเพิ่มคุณค่าทางอาหารได้มาก
สำหรับผลิตภัณฑ์ปลาร้าจืดที่จะพัฒนาขึ้นนี้ อาจออกมาในรูปของปลาร้าจืดผง ปลาร้าจืดอัดเม็ด ปลาร้าจืดเพื่อผสมกับแกง หรือแม้แต่ปลาร้าจืดเข้มข้นได้ โดยอาจถือเป็นอาหารเสริมสำหรับนักกีฬาซึ่งมีราคาแพงมาก
ขณะที่อุปสรรคอีกประการหนึ่งของการบริโภคปลาร้า คือ กลิ่นแรง ที่หลายคนอาจไม่ชอบใจนัก นายวุฒิพงศ์ เผยว่า มีความเป็นไปได้เช่นกันที่จะวิจัยพัฒนาสายพันธุ์จุลินทรีย์ชนิดต่างๆ เพื่อให้ได้ปลาร้าที่ไม่มีกลิ่นแรงเหมือนในปัจจุบัน แต่อาจมีกลิ่นหอมชวนรับประทานต่อไป
“ถ้าทำได้เมื่อไร ผมก็คนนึงแหละที่จะเป็นลูกค้าปลาร้าจืดด้วย” นายวุฒิพงศ์ กล่าว
