ยัม รุกตลาดหนัก หว่านงบลงทุนรวมปีนี้ 1,100 ล้านบาท ฟากซีอาร์จีรับผิดชอบ 30% ชูปีแห่งการปฏิบัติสู่ความเป็นเลิศ แบรนด์เคเอฟซี เปิดเพิ่มอีก 30 สาขา คาดโต 20% ด้าน พิซซ่าฮัท ลุยเพิ่มอีก 15 สาขาเน้นดีลิเวอรี หวังโตรวม 20%
นายศรัณย์ สมุทรโคจร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารร้านเคเอฟซี และพิซซ่าฮัท ในไทย กล่าวว่า ในปี 2551 บริษัทจะใช้งบลงทุนรวมประมาณ 1,100 ล้านบาท ซึ่งจำนวนนี้จะมีประมาณ 30% ที่มาจากเงินลงทุนของกลุ่มซีอาร์จีที่เป็นพาร์ทเนอร์หลัก ในการขยายสาขาใหม่และปรับปรุงร้านเดิม ด้วยงบประมาณ 60% และอีก 40% เป็นงบตลาดรวม
นอกจากนั้น ยังกำหนดให้ปีนี้เป็นปีแห่งการปฏิบัติสู่ความเป็นเลิศ (Year of Execution) โดยทุกหน่วยงานจะต้องสามารถปฏิบัติงานได้จริงอย่างดีเยี่ยมตามที่วางแผนงานไว้ เพื่อให้เป็นไปตามแผนปี 2010 ที่จะมียอดขายและสาขาเติบโตเป็นสองเท่า โดยแผนงานปีนี้แบ่งเป็น แบรนด์เคเอฟซีจะลงทุน 500 ล้านบาท เปิดอีก 30 สาขา (แบ่งเป็นของซีอาร์จี 12 สาขา และยัม 18 สาขา) คาดหวังการเติบโตยอดขายที่ 10% จากสาขาเดิม แต่เมื่อรวมทั้งสาขาเก่าและใหม่จะเติบโต 20% และงบตลาดใช้ประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งช่วงรอยต่อตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้วต่อเนื่องถึงมกราคมปีนี้ เปิดร้านเคเอฟซีใหม่ไปแล้ว 5 สาขา และล่าสุด เตรียมเปิดเคเอฟซี ที่เทสโก้โลตัส สาขาศาลายา
ขณะที่ ร้านพิซซ่าฮัท นั้น ปีนี้จะเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 15 สาขา เน้นหนักที่รูปแบบดีลิเวอรี ล่าสุดเปิดสาขาใหม่ที่สุราษฎร์ธานี ซึ่งส่งผลให้สัดส่วนร้านแบบดีลิเวอรีพิซซ่าฮัท เป็น 60% และร้านแบบนั่งทานลดเหลือ 40% จากปัจจุบันที่สัดส่วนร้านพิซซ่าฮัทดีลิเวอรีอยู่ที่ 55% โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตในรูปแบบร้านนั่งทานไว้ที่ 10% และร้านดีลิเวอรีเติบโต 20% ส่วนทั้งแบรนด์คาดโต 20%
สำหรับปีที่แล้วใช้งบรวม 835 ล้านบาท ทั้งการลงทุนและการตลาดโดยแบ่งเป็นร้านเคเอฟซีลงทุน 430 ล้านบาท เปิดใหม่ 26 สาขา (แบ่งเป็นฝ่ายซีอาร์จี และยัม ฝ่ายละ 50% เท่ากัน) และใช้งบประมาณด้านตลาด 300 ล้านบาท ส่วนร้านพิซซ่าฮัท ปีที่แล้วใช้งบลงทุน 55 ล้านบาทเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 5 สาขา เป็นดีลิเวอรี และงบการตลาด 50 ล้านบาท
ปัจจุบันร้านเคเอฟซี มีประมาณ 319 สาขาทั่วประเทศ เข้าถึงต่างจังหวัดได้มากที่สุดกว่า 60 จังหวัดแล้ว โดยแบ่งสัดส่วนร้านเป็นของยัม 60% หรือประมาณ 183 สาขา ส่วนของซีอาร์จีประมาณ 40% หรือประมาณ 136 สาขา และร้านพิซซ่าฮัท มีประมาณ 76 สาขาทั่วประเทศ
“ยัมยังคงเน้นการเป็นผู้นำนวัตกรรมและคุณภาพอาหารในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจและขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ มากขึ้น โดยเคเอฟซีมีแผนจะรุกต่างจังหวัดมากขึ้น และพัฒนาสินค้าใหม่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภค และเพิ่มความหลากหลายการบริการ ซึ่งปัจจุบันดีลิเวอรีขยายการบริการถึง 24.00 น.แล้วในบางสาขา ส่วน พิซซ่าฮัท ยังคงชูความเป็นผู้นำนวัตกรรมอาหาร ด้วยการออกเมนูใหม่ที่มีคุณภาพและคุ้มค่า เน้นลงทุนในส่วนของดีลิเวอรีมากกว่า” นายศรัณย์ กล่าว
นายศรัณย์ สมุทรโคจร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารร้านเคเอฟซี และพิซซ่าฮัท ในไทย กล่าวว่า ในปี 2551 บริษัทจะใช้งบลงทุนรวมประมาณ 1,100 ล้านบาท ซึ่งจำนวนนี้จะมีประมาณ 30% ที่มาจากเงินลงทุนของกลุ่มซีอาร์จีที่เป็นพาร์ทเนอร์หลัก ในการขยายสาขาใหม่และปรับปรุงร้านเดิม ด้วยงบประมาณ 60% และอีก 40% เป็นงบตลาดรวม
นอกจากนั้น ยังกำหนดให้ปีนี้เป็นปีแห่งการปฏิบัติสู่ความเป็นเลิศ (Year of Execution) โดยทุกหน่วยงานจะต้องสามารถปฏิบัติงานได้จริงอย่างดีเยี่ยมตามที่วางแผนงานไว้ เพื่อให้เป็นไปตามแผนปี 2010 ที่จะมียอดขายและสาขาเติบโตเป็นสองเท่า โดยแผนงานปีนี้แบ่งเป็น แบรนด์เคเอฟซีจะลงทุน 500 ล้านบาท เปิดอีก 30 สาขา (แบ่งเป็นของซีอาร์จี 12 สาขา และยัม 18 สาขา) คาดหวังการเติบโตยอดขายที่ 10% จากสาขาเดิม แต่เมื่อรวมทั้งสาขาเก่าและใหม่จะเติบโต 20% และงบตลาดใช้ประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งช่วงรอยต่อตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้วต่อเนื่องถึงมกราคมปีนี้ เปิดร้านเคเอฟซีใหม่ไปแล้ว 5 สาขา และล่าสุด เตรียมเปิดเคเอฟซี ที่เทสโก้โลตัส สาขาศาลายา
ขณะที่ ร้านพิซซ่าฮัท นั้น ปีนี้จะเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 15 สาขา เน้นหนักที่รูปแบบดีลิเวอรี ล่าสุดเปิดสาขาใหม่ที่สุราษฎร์ธานี ซึ่งส่งผลให้สัดส่วนร้านแบบดีลิเวอรีพิซซ่าฮัท เป็น 60% และร้านแบบนั่งทานลดเหลือ 40% จากปัจจุบันที่สัดส่วนร้านพิซซ่าฮัทดีลิเวอรีอยู่ที่ 55% โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตในรูปแบบร้านนั่งทานไว้ที่ 10% และร้านดีลิเวอรีเติบโต 20% ส่วนทั้งแบรนด์คาดโต 20%
สำหรับปีที่แล้วใช้งบรวม 835 ล้านบาท ทั้งการลงทุนและการตลาดโดยแบ่งเป็นร้านเคเอฟซีลงทุน 430 ล้านบาท เปิดใหม่ 26 สาขา (แบ่งเป็นฝ่ายซีอาร์จี และยัม ฝ่ายละ 50% เท่ากัน) และใช้งบประมาณด้านตลาด 300 ล้านบาท ส่วนร้านพิซซ่าฮัท ปีที่แล้วใช้งบลงทุน 55 ล้านบาทเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 5 สาขา เป็นดีลิเวอรี และงบการตลาด 50 ล้านบาท
ปัจจุบันร้านเคเอฟซี มีประมาณ 319 สาขาทั่วประเทศ เข้าถึงต่างจังหวัดได้มากที่สุดกว่า 60 จังหวัดแล้ว โดยแบ่งสัดส่วนร้านเป็นของยัม 60% หรือประมาณ 183 สาขา ส่วนของซีอาร์จีประมาณ 40% หรือประมาณ 136 สาขา และร้านพิซซ่าฮัท มีประมาณ 76 สาขาทั่วประเทศ
“ยัมยังคงเน้นการเป็นผู้นำนวัตกรรมและคุณภาพอาหารในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจและขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ มากขึ้น โดยเคเอฟซีมีแผนจะรุกต่างจังหวัดมากขึ้น และพัฒนาสินค้าใหม่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภค และเพิ่มความหลากหลายการบริการ ซึ่งปัจจุบันดีลิเวอรีขยายการบริการถึง 24.00 น.แล้วในบางสาขา ส่วน พิซซ่าฮัท ยังคงชูความเป็นผู้นำนวัตกรรมอาหาร ด้วยการออกเมนูใหม่ที่มีคุณภาพและคุ้มค่า เน้นลงทุนในส่วนของดีลิเวอรีมากกว่า” นายศรัณย์ กล่าว