พรานทะล รับมือสงครามราคาตลาดอาหารแช่แข็ง รุกซอยเซกเมนต์ชูคอนเซปต์นวัตกรรมอาหารทะเลเพื่อสุขภาพ ปั้นอาหารตามกรุ๊ปเลือด ระบุ โภชนาการบนกล่องเอ็ดดูเคทเพื่อเสริมอิมเมจ อัดฉีด 130 ล้านบาท สิ้นปีโต 20% กวาด 1,200 ล้านบาท
นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาดและฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจปีนี้ชูคอนเซปต์ “Healthy with Innovation” นวัตกรรมอาหารทะเลเพื่อสุขภาพ โดยระบุคุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์บนกล่อง อาทิ แคลเซียมสูง คอเลสเตอรอลต่ำ และในไตรมาสแรกวางแผนเปิดตัวอาหารสำหรับกรุ๊ปเลือดต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความแตกต่างรองรับการแข่งขันที่รุนแรงของคู่แข่งที่งัดกลยุทธ์ราคาขึ้นมาใช้ และมีสินค้าให้เลือกหลากหลายถึง 16 แบรนด์
“ถึงเวลาแล้วที่ตลาดอาหารแช่แข็งต้องซอยเซกเมนต์ให้มากขึ้น หลังจากเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาเป็นบลูโอเชี่ยน แต่ตอนนี้เริ่มเป็นเรด โอเชี่ยน เรามองว่า อาหารทะเลแช่แข็งจะต้องเป็นมีจุดขายมากกว่าความอร่อย หรือดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค ดังนั้น เราจึงเริ่มให้ข้อมูลและความรู้แก่ผู้บริโภค”
สำหรับปีนี้บริษัทได้ทุ่มงบร่วม 130 ล้านบาท แบ่งเป็น 100 ล้านบาท สำหรับงบลงทุนเครื่องจักรและการขยายช่องทางจำหน่ายซึ่งจะขยายเพิ่มจาก 6,500 แห่ง เป็น 7,500 แห่ง ส่วนอีก 30 ล้านบาท เป็นงบการตลาด ทั้งนี้ ปีนี้บริษัทจะเปิดตัวเมนูใหม่ 20 เมนู โดยกลุ่มอาหารพร้อมทานเน้นนวัตกรรมใหม่ ส่วนกลุ่มซูชิเน้นในรูปแบบฟิวชั่น หรือพัฒนาเป็นอาหารประจำแต่ละภาคของประเทศไทย
พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้ปรับบรรจุภัณฑ์ใหม่ และมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค โดยจะเริ่มต้นเดือนเมษายนนี้ เปิดโอกาสให้ลูกค้าสะสมยอดแลกของรางวัล ตลอดจนการใช้สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ตอกย้ำการรับรู้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทได้ปรับราคาสินค้าบางรายการขึ้น 10% อาทิ เมนูปลาเก๋า ปลากะพง เนื่องจากวัตถุดิบหายากจึงมีราคาสูงขึ้น นอกจากนี้วางแผน 2-3 ปีจะเข้าตลาดหลักทรัพย์
ภาพรวมตลาดอาหารแช่แข็งมูลค่า 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มอาหารพร้อมปรุงมูลค่า 450 ล้านบาท ในปีนี้เติบโต 10-20% โดยพรานทะเลมีส่วนแบ่ง 80% กลุ่มอาหารพร้อมทาน 2,000 ล้านบาท โต 30% ส่วนพรานทะเลมีส่วนแบ่งทอปทรีสลับขึ้นเป็นผู้นำระหว่าง ซีพี เอสแอนด์พี และกลุ่มอาหารญี่ปุ่นในช่องทางโมเดิร์นเทรดมูลค่า 500 ล้านบาท โต 30% พรานทะเลวางสินค้าครอบคลุมโมเดิร์นเทรด 80% จาก 340 จุด หรือราว 80 จุด และวางแผนขยายช่องด้านหน้าซูเปอร์มาร์เก็ตโมเดิร์นเทรดเพิ่มเติม
นายอนุรัตน์ กล่าวว่า ปัจจัยที่กังวลในขณะนี้ คือ ปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งเกรงว่าจะแข็งขึ้นจาก 33.50 บาท เป็น 31.50 บาท เนื่องจากบริษัทส่งออกในสัดส่วน 90% อีก 10% ภายในประเทศ อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนสำรองเงินบาท โดยมีการบริหารเป็นไตรมาส ทั้งนี้บริษัทแม่ตั้งเป้าการส่งออกปีนี้โต 15% จากการมีรายได้ 9,000 ล้านบาทในปีนี้
ล่าสุด บริษัทได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับผู้บริหารเครือโรงแรมเรดิสันในประเทศอินเดีย ในสัดส่วน 50:50 จัดตั้งบริษัท อินโดไทยฟู้ดส์ ไพรเวท จำกัด โดยจะดำเนินการในรูปแบบแฟรนไชส์ประเภทอาหารพร้อมทานปูพรม 11 จุด คาดว่า รายได้ 100 ล้านบาท ส่วนในซาอุดิอาระเบีย เตรียมส่งไปจำหน่ายในพิธีฮัท คาดว่ารายได้ 10 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 20% หรือมีรายได้กว่า 1,200 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้เกินกว่า 1,000 ล้านบาท เติบโต 25% โดยกลุ่มอาหารพร้อมปรุงมีสัดส่วนรายได้ 32% พร้อมรับประทาน 35% และซูชิ 35%
นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาดและฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจปีนี้ชูคอนเซปต์ “Healthy with Innovation” นวัตกรรมอาหารทะเลเพื่อสุขภาพ โดยระบุคุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์บนกล่อง อาทิ แคลเซียมสูง คอเลสเตอรอลต่ำ และในไตรมาสแรกวางแผนเปิดตัวอาหารสำหรับกรุ๊ปเลือดต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความแตกต่างรองรับการแข่งขันที่รุนแรงของคู่แข่งที่งัดกลยุทธ์ราคาขึ้นมาใช้ และมีสินค้าให้เลือกหลากหลายถึง 16 แบรนด์
“ถึงเวลาแล้วที่ตลาดอาหารแช่แข็งต้องซอยเซกเมนต์ให้มากขึ้น หลังจากเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาเป็นบลูโอเชี่ยน แต่ตอนนี้เริ่มเป็นเรด โอเชี่ยน เรามองว่า อาหารทะเลแช่แข็งจะต้องเป็นมีจุดขายมากกว่าความอร่อย หรือดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค ดังนั้น เราจึงเริ่มให้ข้อมูลและความรู้แก่ผู้บริโภค”
สำหรับปีนี้บริษัทได้ทุ่มงบร่วม 130 ล้านบาท แบ่งเป็น 100 ล้านบาท สำหรับงบลงทุนเครื่องจักรและการขยายช่องทางจำหน่ายซึ่งจะขยายเพิ่มจาก 6,500 แห่ง เป็น 7,500 แห่ง ส่วนอีก 30 ล้านบาท เป็นงบการตลาด ทั้งนี้ ปีนี้บริษัทจะเปิดตัวเมนูใหม่ 20 เมนู โดยกลุ่มอาหารพร้อมทานเน้นนวัตกรรมใหม่ ส่วนกลุ่มซูชิเน้นในรูปแบบฟิวชั่น หรือพัฒนาเป็นอาหารประจำแต่ละภาคของประเทศไทย
พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้ปรับบรรจุภัณฑ์ใหม่ และมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค โดยจะเริ่มต้นเดือนเมษายนนี้ เปิดโอกาสให้ลูกค้าสะสมยอดแลกของรางวัล ตลอดจนการใช้สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ตอกย้ำการรับรู้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทได้ปรับราคาสินค้าบางรายการขึ้น 10% อาทิ เมนูปลาเก๋า ปลากะพง เนื่องจากวัตถุดิบหายากจึงมีราคาสูงขึ้น นอกจากนี้วางแผน 2-3 ปีจะเข้าตลาดหลักทรัพย์
ภาพรวมตลาดอาหารแช่แข็งมูลค่า 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มอาหารพร้อมปรุงมูลค่า 450 ล้านบาท ในปีนี้เติบโต 10-20% โดยพรานทะเลมีส่วนแบ่ง 80% กลุ่มอาหารพร้อมทาน 2,000 ล้านบาท โต 30% ส่วนพรานทะเลมีส่วนแบ่งทอปทรีสลับขึ้นเป็นผู้นำระหว่าง ซีพี เอสแอนด์พี และกลุ่มอาหารญี่ปุ่นในช่องทางโมเดิร์นเทรดมูลค่า 500 ล้านบาท โต 30% พรานทะเลวางสินค้าครอบคลุมโมเดิร์นเทรด 80% จาก 340 จุด หรือราว 80 จุด และวางแผนขยายช่องด้านหน้าซูเปอร์มาร์เก็ตโมเดิร์นเทรดเพิ่มเติม
นายอนุรัตน์ กล่าวว่า ปัจจัยที่กังวลในขณะนี้ คือ ปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งเกรงว่าจะแข็งขึ้นจาก 33.50 บาท เป็น 31.50 บาท เนื่องจากบริษัทส่งออกในสัดส่วน 90% อีก 10% ภายในประเทศ อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนสำรองเงินบาท โดยมีการบริหารเป็นไตรมาส ทั้งนี้บริษัทแม่ตั้งเป้าการส่งออกปีนี้โต 15% จากการมีรายได้ 9,000 ล้านบาทในปีนี้
ล่าสุด บริษัทได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับผู้บริหารเครือโรงแรมเรดิสันในประเทศอินเดีย ในสัดส่วน 50:50 จัดตั้งบริษัท อินโดไทยฟู้ดส์ ไพรเวท จำกัด โดยจะดำเนินการในรูปแบบแฟรนไชส์ประเภทอาหารพร้อมทานปูพรม 11 จุด คาดว่า รายได้ 100 ล้านบาท ส่วนในซาอุดิอาระเบีย เตรียมส่งไปจำหน่ายในพิธีฮัท คาดว่ารายได้ 10 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 20% หรือมีรายได้กว่า 1,200 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้เกินกว่า 1,000 ล้านบาท เติบโต 25% โดยกลุ่มอาหารพร้อมปรุงมีสัดส่วนรายได้ 32% พร้อมรับประทาน 35% และซูชิ 35%