JGSEE - กฟผ.จับมือบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมพัฒนาเครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำราคาถูก แต่มีกำลังการผลิตมากถึง 160 กิโลวัตต์ ชนะรางวัลชมเชยการประกวดสิ่งประดิษฐ์สาขาวิศวกรรมศาสตร์ฯ ในงานวันนักประดิษฐ์ 51 พร้อมเดินหน้าขยายผลใช้งานในประเทศ และส่งขายต่างชาติ
นายปราโมทย์ ฉมามหัทนา ผู้ช่วยผู้ว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เผยว่า กฟผ.ร่วมกับบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) วิจัยพัฒนาเครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขึ้น เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านดังกล่าวและการขยายผลใช้งานไปยังแหล่งน้ำที่มีศักยภาพทั่วประเทศด้วยเทคโนโลยีฝีมือคนไทย
นายปราโมทย์ เผยต่อว่า ที่ผ่านมา ทีมวิจัยได้พัฒนาเครื่องต้นแบบและเครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่สามารถใช้งานได้จริง มีการติดตั้งและทดสอบการใช้ที่เขื่อนแม่จาง อ.เมาะ จ.ลำปางมาแล้วกว่า 1 ปี โดยเมื่อวันที่ 2 ก.พ.51 ผลงาน "เครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กเขื่อนจาง" นี้ได้รับรางวัลชมเชยสิ่งประดิษฐ์คิดค้นสาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในงานวันนักประดิษฐ์และงานวันนักประดิษฐ์นานาชาติ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี
นายปราโมทย์ ชี้ว่า สำหรับเครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่มีการพัฒนาและใช้งานในต่างประเทศในปัจจุบันมีหลายขนาด แต่ในประเทศไทย แหล่งน้ำสำคัญส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเขื่อนและฝายที่ได้รับการพัฒนาเพื่อการชลประทานส่วนใหญ่เป็นเขื่อนขนาดเล็ก
ทีมวิจัยจึงมุ่งสร้างองค์ความรู้เครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กเป็นอันดับแรก ซึ่งเครื่องผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กแม่จางที่พัฒนาขึ้น เป็นเครื่องที่ได้พัฒนาต่อยอดมาจากเครื่องต้นแบบ โดยหัวใจสำคัญของการพัฒนาเครื่องอยู่ที่การออกแบบรูปร่างของกังหันเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดที่ความดันหัวน้ำ หรือความต่างระดับน้ำที่หน้าเขื่อนและท้ายเขื่อนแตกต่างกัน
"เครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนแม่จางได้พัฒนารูปร่างของกังหันน้ำให้เหมาะกับความสูงหัวน้ำ 13 เมตร และมีกำลังผลิตไฟฟ้าได้สูงสุด 160 กิโลวัตต์ โดยสามารถเดินเครื่องได้ที่ความสูงหัวน้ำต่ำกว่าหรือสูงกว่า 13 เมตรได้ (บวก/ลบ) ไม่เกิน 10%" นายปราโมทย์กล่าว
ผู้ช่วยผู้ว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ กฟผ.เผยด้วยว่า องค์ความรู้จากการวิจัย อาทิ การออกแบบรูปร่างกังหันให้เหมาะกับความสูงของหัวน้ำ การผลิตชิ้นส่วนต่างๆ นี้ จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กได้มากกว่าครึ่ง เนื่องจากค่าใช้จ่ายชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ผลิตในประเทศและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงจะมีราคาถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศมาก
ทั้งนี้ เครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่พัฒนาเองมีราคาติดตั้งอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาท/กิโลวัตต์ เทียบกับเทคโนโลยีต่างประเทศในมูลค่า 60,000 -70,000 บาท/กิโลวัตต์ จึงทำให้การขยายพื้นที่ผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กตามแหล่งน้ำต่างๆ สามารถทำได้ โดยเริ่มจากเขื่อนชลประทานที่มีการส่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนอยู่แล้ว อันจะเป็นการชะลอการสร้างโรงไฟฟ้าประเภทอื่นๆ อีกทั้งทำงานโดยไม่ต้องใช้เชื้อเพลิง จึงไม่ต้องกังวัลเรื่องราคาเชื้อเพลิง และราคาค่าไฟฟ้า
นายปราโมทย์ ชี้ว่า ข้อดีของการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำจึงมีบทบาทสำคัญที่จะทำให้ระบบไฟฟ้าของประเทศมีความมั่นคง ได้ไฟฟ้าที่มีคุณภาพและมีแสงสว่างสม่ำเสมอ อีกทั้งสามารถรับโหลดไฟฟ้าที่มีการเปลี่ยนแปลงมากได้ เช่น หากมีความต้องการไฟฟ้าจำนวนมากในเวลากะทันหัน โรงไฟฟ้าพลังน้ำสามารถผลิตไฟฟ้าให้ได้ในเวลาไม่เกิน 5 นาที ซึ่งโรงไฟฟ้าประเภทอื่นไม่สามารถทำได้
"ดังนั้น การส่งเสริมให้มีการติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้าพลังน้ำมากขึ้น จึงเป็นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด และเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ลดโลกร้อน ลดการนำเข้าไฟฟ้า และเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าจากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความมั่งคงด้านพลังงานให้กับประเทศชาติ" ผู้ช่วยผู้ว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ กฟผ.ทิ้งท้าย