อาจารย์เกษตรศาสตร์ระบุ "มันสำปะหลัง" จะเป็นพลังตอบสนองนโยบายส่งเสริมใช้แก๊สโซฮอล์ ทั้งลดภาษีรถยนต์ E20 และไม่ต้องชำระเงินกองทุนน้ำมัน เหตุมันสำปะหลังปลูกง่ายและให้ผลผลิตตลอดทั้งปี
รศ.ดร.กล้าณรงค์ ศรีโรจ รองผู้อำนวยการสถาบันผลิตผลอุตสาหกรรมการเกษตร (KAPI) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ระบุนโยบายส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์จากการลดภาษีให้กับรถยนต์ E20 ซึ่งส่งผลให้ค่ายรถต่างๆ ประกาศขายรถยนต์ E20 ร่วม 1.4 แสนคัน รวมถึงผู้ค้านน้ำมันไม่ต้องนำกำไรจากการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์เข้าสมทบกองทุนน้ำมัน จะทำให้มีความต้องการใช้แก๊สโซฮอล์มากขึ้น ทั้งนี้ปัจจุบันมีการใช้น้ำเบนซินวันละ 20 ล้านลิตร ซึ่งในปริมาณนี้หากเป็นแก๊สโซฮอล์ E20 ทั้งหมด จะมีปริมาณน้ำมัน 16 ล้านลิตรและเอทานอล 4 ล้านลิตร
"ความต้องการใช้เอทานอลจะมากขึ้น เอทานอลจะมาจากไหนได้บ้าง อ้อย กากน้ำตาล แต่ที่เป็นคำตอบคือมันสำปะหลังเพราะเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปี มันสำปะหลังที่เกษตรกรปลูกอย่างทิ้งๆ ยังให้ผลผลิตได้ไร่ละ 3 ตันต่อปี หหากดูแลรักษาอย่างดีผลผลิตจะเพิ่มขึ้นได้เป็น 5-6 ตัน ส่วนสายพันธุ์มันสำปะหลังไม่ได้มีปัญหาได้เพราะที่ปลูกในไทยล้วนมีพ่อแม่ (พันธุ์) เดียวกันทั้งนั้น" รศ.ดร.กล้าณรงค์กล่าว
พร้อมกันนี้รองผู้อำนวยการจากสถาบันผลิตผลฯ มก.ยังกล่าวถึงปัญหาเอทานอลที่ล้นตลาดว่าจะกระจายออกสู่ตลาดมากขึ้นจากเหตุจูงใจให้กับทั้งผู้ใช้และผู้จำหน่ายแก๊สโซฮอล์มากขึ้น พร้อมทั้งบอกอีกว่าเป็นเรื่องดีหากรถยนต์จะ "กิน" อาหารเช่นเดียวกับคน อย่างข้าวโพด มันสำปะหลัง เป็นต้น แทนที่จะ "กิน" อาหารนำเข้าอย่างน้ำมัน
ทั้งนี้เป็นการให้ความเห็นของ รศ.ดร.กล้าณรงค์ระหว่างการสัมมนาเรื่องพลังงานทดแทนระหว่างไทย-จีน ณ โรงแรมทวิน ทาวเวอร์ ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ระหว่างวันที่ 28-29 ม.ค.นี้