White Clot ยังไม่จบ “หมอธีระวัฒน์” เตรียมตอบกลับจัดเต็ม 17 มีนาคมนี้ ที่หอประชุมเล็กธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในงาน “ความจริงมีหนึ่งเดียว”
วันนี้(7 มี.ค.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” กรณี ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยเปิดเผยเกี่ยวกับการพบแท่งย้วยสีขาว หรือ White Clot ในร่างของผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่า
ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้เปิดเผยเรื่องแท่งขาวย้วยในหลอดเลือดหลังที่เกิดขึ้นผิดปกติหลังเริ่มฉีดวัคซีนหรือที่เรียกว่า White Clot ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 โดยเป็นการรายรายงานข่าวที่มีการเผยแพร่ของสัปเหร่อและแพทย์ในต่างประเทศที่เห็นว่า “มีความผิดปกติ” ทั้งองค์ประกอบของ White Clot ทั้งปริมาณที่พบในศพที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพบแม้กระทั่งในผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ [1]-[3]
ต่อมาได้มีขบวนการตอบโต้ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข[4] สถาบันวัคซีน[5] แพทย์นิติเวช[6] ออกมาแถลงเป็นเสียงเดียวกันว่า แท่งย้วยสีขาวหรือ White Clot เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่พบได้ในผู้เสียชีวิต รวมถึงแพทย์บางคนพยายามด้อยค่าว่าสิ่งที่ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์รายงานมานั้นเป็นเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ทั้งสิ้น
ทั้งๆ ที่บุคคลที่ออกมาตอบโต้เหล่านี้ไม่ได้ “มีส่วนร่วม” ในการสำรวจหรือตรวจศพหรือตรวจลักษณะ White Clot ที่ปรากฏในข่าวในต่างประเทศเลยแม้แต่น้อย แต่กลับหาญกล้าตอบโต้โดยอ่านจากข่าวแต่เพียงอย่างเดียว ว่าไม่เป็นความจริง ได้อย่างไร?
ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ซึ่งได้ทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะแพทย์ที่ต้องบอกประชาชนทั้งข่าว เหตุการณ์ หรืองานวิจัย ที่พบความผิดปกติทั้งจากตัวโรคหรือแม้แต่ผลกระทบจากวัคซีนทั่วโลก ซึ่งเมื่อได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสมบูรณ์แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องตอบโต้แทนข่าวต่างประเทศที่ได้มีการนำรายงาน จึงประกาศสาระสำคัญเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ความตอนหนึ่งว่า
“เจ้าหน้าที่จัดการศพที่ให้ข้อมูลเป็นคนที่ผ่านการอบรมทางวิชาชีพเป็นทางการ และมีประสบการณ์หลาย 10 ปีขึ้นไปจนถึง นานกว่า 30 ปีโดยไม่พบเห็น white clot เช่นนี้มาก่อนที่จะมีการใช้วัคซีน
ในทั้งหมด ของเจ้าหน้าที่ 269 คน มีประสบการณ์การทำงานมากกว่า 20 ปี ถึง 137 คนและทำงานมา 11 ถึง 20 ปีเป็นจำนวนถึง 60 คนด้วยกัน ซึ่งสามารถที่จะวิเคราะห์ได้ว่าก้อนที่เกิดขึ้นนั้นเป็นของปกติหรือผิดปกติ
แต่ละคนนั้นทำการจัดการศพโดยเฉลี่ยปีละ 100 ศพ และมากสุดถึง 300 ศพต่อปี
ในปี 2023 มี white clot ในศพ ประมาณ 20% และ 73% หรือ เจ้าหน้าที่ 197 คน ที่พบแท่งยาวสีขาวนี้ในศพ และอีก 72 คนหรือ 27% ไม่พบ
โดยทั้งหมดพบในช่วงประมาณกลางปี 2021 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน ทั้งสิ้น แต่เจ้าหน้าที่ทั้งหมดไม่พบลักษณะนี้ก่อนหน้าที่จะมีการระบาดของโควิดและก่อนหน้าที่มีการใช้วัคซีนโควิด
เจ้าหน้าที่ 6 รายพบลักษณะผิดปกติเช่นนี้ใน 81 ถึง 100% ของศพ
เจ้าหน้าที่ 11 รายพบ 61 ถึง 80% ของศพ
และ 29 รายพบ 41 ถึง 60% ของศพ
48 รายพบ 21 ถึง 40% ของศพและ 112 รายพบหนึ่งถึง 20% ของศพ
ทั้งนี้อาจจะเป็นความเกี่ยวข้องกับพื้นที่และปัจจัยอื่นๆของคนที่เสียชีวิต
และนอกจากนั้นในปี 2023 ยังพบลักษณะของ micro-clotting/coffee grounds/dirty bloods ประมาณ 25% โดยที่พบน้อยกว่า 5% ก่อนหน้าโควิดและก่อนหน้าที่มีการใช้วัคซีนโควิด
ลักษณะของ white clot นั้น เหมือนกับถูกหล่อมาจากเส้นเลือดไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดดำหรือแดงมีลักษณะเป็นแท่งหรือเป็นเส้น ในเส้นเลือดแดงขนาดใหญ่และขนาดกลางโดยมีความเหนียวยืดหยุ่นได้และมีความยาวเป็นฟุต ไม่เหมือนกับก้อนหรือแท่งตามปกติที่พบหลังการตายที่มีหลายลักษณะตามระยะเวลาหลังจากที่เสียชีวิต
จากการที่สามารถพบได้ในคนที่ยังไม่ตายและกำลังจะตายซึ่งช่วยชีวิตไม่ทันและตายใหม่ๆ จึงเป็นที่มาของข้อสันนิษฐานว่าเป็นไปได้หรือไม่ ที่เป็นสาเหตุของการตายโดยเฉพาะที่เป็นการตายกระทันหันที่เกิดจากหลอดเลือด ร่วมกับความสามารถของวัคซีนโควิดที่ก่อให้เกิดการอักเสบของหลอดเลือดอยู่แล้วรวมกระทั่งถึงอวัยวะอื่นๆและหัวใจ โดยที่ในหัวใจนั้นพิสูจน์แล้วว่าเกิดจากมีกระจุกหย่อมการอักเสบ ที่ตัดทางเดินไฟฟ้าที่ควบคุมการเต้นของหัวใจ“
นอกจากนี้ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ ยังได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมว่า
”ประกาศให้ทราบทั่วกันนะครับ เนื่องจากเรื่องของ white clot กับวัคซีน เป็นเรื่องที่มีความเห็นต่างและโต้แย้งกันอย่างมาก ทั้งเอาหลักฐานที่จะดิสเครดิตตัวบุคคลรวมทั้งเจ้าของช่อง YouTube ว่าเป็น คนต่อต้านวัคซีน (รวมทั้งตัวหมอเองด้วย) ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
และท่านก็เป็นอาจารย์ทางการพยาบาลแต่ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยทางการแพทย์และศาสตราจารย์ของประเทศอังกฤษมาอย่างยาวนานและในระบบ NHS
หมอจะเลิกพูดถึงเรื่อง white clot นี้ เพราะได้ให้เรื่องราวตามนั้นแล้ว
แต่ยังให้ความสำคัญกับผลกระทบของวัคซีนที่มีผลต่อการเสียชีวิตความพิการที่เราดูแลอยู่โดยจุดประสงค์เพื่อการรักษาเยียวยาผู้ป่วยและครอบครัวและเพื่อให้วัคซีนที่เราต้องใช้นั้นมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุดอย่างที่ต้องเป็นตามมาตรฐานครับ
บทความและข้อความที่เผยแพร่ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของคนป่วย
หมอไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ สามารถตรวจสอบได้ว่าไม่เคยรับเงินในการ promote หรือมีเอี่ยวกับสถาบันใด หรือผลิตภัณฑ์ใด”[3]
คำถามคือกระทรวงสาธารณสุข สถาบันวัคซีน หรือกรมควบคุมโรค จะเป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือไม่ หากพิจารณาจาก “งบประมาณ” ในการจัดซื้อวัคซีน รวมถึงงบประมาณในการให้บริการฉีดวัคซีน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสัญญาที่ประเทศไทยทำเอาไว้กับบริษัทวัคซีนบางแห่ง ก็กลับเป็น “สัญญาทาส” ทำให้เป็นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยให้ประชาชนทราบได้ จริงหรือไม่?[7]
แต่ถึงแม้ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาจะได้หยุดโพสต์เพราะด้วยทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสมบูรณ์แล้ว โดยไม่ได้มีหน้าที่โต้แย้งกับแพทย์ในประเทศไทยที่ไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆในการสำรวจหรือชันสูตรศพกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ
แต่ถึงกระนั้นก็ได้มีผู้เชี่ยวชาญที่เป็นอาจารย์แพทย์ด้านการผ่าตัดเส้นประสาทท่านหนึ่ง ได้ตั้งข้อสังเกตที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะบุคคลที่มาตอบโต้ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑานั้นไม่ได้มีส่วนร่วมในการสำรวจศพหรือคนที่ยังไม่เสียชีวิตกับผู้รายงานจากต่างประเทศในการตัด White Clot มาส่องกล้องจุลทรรศน์ที่จะเห็นความผิดปกติได้ ความว่า
“ข้อมูลเรื่อง White Clot (แท่งย้วยสีขาวที่อุดตัน) ที่แพทย์บางคนในกองวัคซีนออกมาตอบโต้ ไม่ถูกต้องบางส่วน Clot (ก้อนที่อุดตัน)ที่เกิดหลังเสียชีวิต จะไม่เรียกว่า “White Clot“ อาจจะเป็น Red Clot (ก้อนสีแดง) หรือสีออกเหลือง เป็นแบบ Chicken fat (มันไก่)
White Clot (แท่งย้วยสีขาวที่อุดตัน) ใช้เรียก Clot (ก้อนที่อุดตัน) ที่เกิดในหัวใจหรือเส้นเลือดก่อนตาย เกิดจากการเกาะตัวของเกร็ดเลือด Clotting Factors, Fibrin ที่ผนังเลือดหรือหัวใจมีเม็ดเลือดแดงอยู่น้อย หากตัดส่องกล้องจุลทรรศน์ดูจะพบเป็นชั้นๆ (laminated) มี line of Zahn ระหว่างชั้น(เป็นเส้นที่เกิดจากการเรียงตัวสลับกันเป็นชั้นๆ ของส่วนประกอบในก้อน thrombus โดยที่การสะสมของเกร็ดเลือดและไฟบรินจะให้ลักษณะเป็นเส้นสีขาว)
ซึ่งจะแตกต่างจาก Clot หลังการตาย !!!
ในผู้ป่วยโควิด-19 ที่รุนแรงและในผู้ที่มีอาการหลังฉีดวัคซีนที่รุนแรง หรือถึงเสียชีวิต มีสมมุติฐานว่าเกิดจากภาวะ DIC (disseminated intravascular coagulation) หมายถึง ภาวะเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดแบบแพร่กระจาย จากปฏิกิริยารุนแรงของการทำงานของภูมิคุ้มกัน (Severe immune reaction)[8]
การชันสูตรพลิกศพแล้วพบว่า White Clot ควรนำมาตัดส่องกล้องจุลทรรศน์ดู ถ้าพบว่าเป็น Clot ที่เกิดก่อนเสียชีวิต น่าเชื่อได้ว่าเป็นผลจากการติดเชื้อ หรือจากวัคซีน การตรวจว่ามีภาวะ DIC ภาวะเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดแบบแพร่กระจายในผู้ที่ไม่เสียชีวิต ก็สามารถทำได้ตามแนวทางที่อ้างอิงด้านล่างนี้[9]
แต่ความจริงยังมีองค์ประกอบอื่นที่ทำให้แท่งสีขาวย้วยนี้มีความยืดหยุ่นดึงไม่ขาด ซึ่งองค์ประกอบนั้นพิสูจน์แล้วว่าโปรตีเอมิลอยด์ (โปรตีนที่พบมากในการอักเสบเรื้อรังและในโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์)
ดังนั้นสิ่งที่มีความสำคัญคือการตอบโต้ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ที่ผ่านนั้น “หลงประเด็น” เพราะสิ่งที่ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ได้พยายามอธิบายปรากฏการณ์จากข้อมูลจากต่างประเทศนั้น เพราะ “มีความผิดปกติ” ทั้งองค์ประกอบของ White Clot ที่ต้องทำการส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์เหมือนกับที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ รวมถึงปริมาณที่พบในศพที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ
โดยเฉพาะประเด็นที่ White Clot ยังพบได้แม้กระทั่งใน “ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่” นั่นหมายความว่าอาจจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของประชาชนได้ ไม่ใช่เกิดขึ้นหลังการตายอย่างเดียว
คำถามคือเราจะยังเชื่อข้อมูลของภาครัฐที่ขัดแย้งกันได้เพียงไหน เพราะที่ผ่านมากรมควบคุมโรคเคยระบุว่าคนไทยเสียชีวิตจากวัคซีนเพียง 5 คนเท่านั้น [10] ในขณะที่เว็บไซต์สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้รายงานเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนแล้วยื่นคำขอและได้รับอนุมัติแล้ว เฉพาะที่เสียชีวิต/ทุพพลภาพกลับมีมากถึง 5,483 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าคำแถลงของกรมควบคุมโรค 5,383%[11]
แต่ในความเป็นจริงอาจมีคนเสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากวัคซีนแต่ไม่ได้ไปยื่นขอความช่วยเหลืองบประมาณและการช่วยเหลือจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติอีกจำนวนมากหลาย 10 เท่า
นอกจากนั้นงานิวจัยที่สำรวจเด็กมัธยมไทยที่ฉีดวัคซีน mRNA ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารด้านเวชศาสตร์เขตร้อนและโรคติดเชื้อ Tropical Medicine and Infectious Disease เผยแพร่เมื่อเดือนสิงหาคม 2565 เมื่อเปรียบเทียบกับเอกสารกำกับวัคซีน mRNA ยี่ห้อหนึ่งสรุปเฉพาะผลข้างเคียงจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหรือเนื้อเยื่อหัวใจอักเสบได้ว่า
“มีเด็กและเยาวชนไทยได้รับผลกระทบจากวัคซีนทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหรือเนื้อเยื่อหัวใจอักเสบ มีสัดส่วนที่ “มากกว่า”ที่ระบุไว้ในเอกสารกำกับยาในวัคซีน mRNA ยี่ห้อหนึ่งถึง 23,156%”[12]-[14]
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยหลังปีที่มีการฉีดวัคซีนไปแล้ว กลับมีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ ทั้งในปีงบประมาณ 2565 และ ปีงบประมาณ 2566 ซึ่งมากกว่าปี 2564 ทั้งๆมีการเสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดได้ผ่านไปแล้ว
จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบใดๆ จริงหรือไม่?[12]
และถ้าจะให้ความจริงปรากฏก็ต้อง “ลงมือทำ”สำรวจสถิติการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นผิดปกตินั้น เป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนหรือไม่ได้ฉีดวัคซีนอย่างไร ยี่ห้อไหน กี่เข็ม หรือแม้กระทั่งความสัมพันธ์ที่เสียชีวิตกับวัคซีนมีสถิติอย่างไร การหาความจริงเท่านั้นจึงจะได้ความจริง ไม่ใช่การแก้ตัวแทนบริษัทวัคซีน
โดยศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้เผยแพร่ผลการรวบรวมการศึกษา ที่มีรายงานมาล่วงหน้าจนกระทั่งถึงวันที่ 18 พฤษภาคม 2566 ที่เกี่ยวข้องกับการได้รับวัคซีนโควิดและตาย ความตอนหนึ่งว่า
“โดยหลังจากที่มีการกลั่นกรองข้อมูลทั้งหมดจาก 678 รายการ พบว่ามี 44 รายงาน ที่มีการวินิจฉัย โดยมีการชันสูตรศพด้วย โดยมี 325 รายและอีกหนึ่งราย เป็นการพิสูจน์ชิ้นเนื้อ พบระบบที่เสียหายและเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิดจนถึงเสียชีวิตนั้น ประกอบไปด้วย ระบบหัวใจและหลอดเลือด 53% ระบบทางโลหิตวิทยา 17% ระบบทางเดินหายใจ 8% และมีหลายระบบเสียหายร่วมกัน 7% ทั้งนี้ 21 รายในจำนวนผู้เสียชีวิตดังกล่าวมีอวัยวะที่ได้รับผลกระทบสามระบบหรือมากกว่านั้น[15]
ตัวอย่างรายงานข้างต้นนี้ แสดงให้เห็นว่าเมื่อมีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นผิดปกติหลังฉีดวัคซีน ก็ควรจะได้รับการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถประเมินได้อย่างถูกต้อง ไม่ใช่เอาแต่ประโยชน์หรือประสิทธิภาพของวัคซีนแต่ต้องเป็นความปลอดภัยสูงสุดของวัคซีน
และมีความจำเป็นหรือไม่ที่จะมีการบังคับฉีดวัคซีนในแทบทุกอายุ และมีกลไกในการเซ็นเซอร์ข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับผลข้างเคียงของวัคซีน ดังที่มีการสอบสวนในรัฐสภาสหรัฐในขณะนี้ ที่เปิดโปงหน่วยงานของรัฐ และบริษัทที่มีอิทธิพล ต่อสื่อ รวมกระทั่งถึงมีโปรแกรม AI ที่พัฒนาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในสหรัฐและนำมาใช้ตรวจตรา ตรวจสอบ บทความข้อมูลและในสื่อ เพื่อที่จะตอบโต้และดิสเครดิตทั้งหมด และมีการยอมรับจากการสอบสวน จากการที่มีกฎหมายความโปร่งใสของข้อมูลมากำกับ
โดยจากผู้เสียชีวิตทั้งหมด ที่มีการชันสูตรศพทั้งร่าง 325 ราย และชิ้นเนื้อหัวใจ 1 ราย เป็นหญิง 139 ราย (42.6%) อายุโดยเฉลี่ย 70.4 ปี 41% ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ 37% ได้รับวัคซีนชิโนแวค 13% แอสตร้าเซนเนกา 7% โมเดอร์นา 1% Johnson and Johnson และอีก 1% ชิโนฟาร์ม
รายงานนี้สอดคล้องกับหลายรายงานที่มีการศึกษาการเสียชีวิตที่มากขึ้นอย่างผิดปกติหลังจากได้รับวัคซีน”[15]
โดยศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้เตรียมความพร้อมในการเปิดเผยความจริงจากแท่งย้วยขาว หรือ White Clot มาตอบทุกประเด็นที่มีการโต้แย้งหรือบิดเบือนกลบเกลื่อนความจริงทั้งหมดก่อนหน้านี้ โดยจะเปิดความจริงในเรื่องนี้ในงาน ”ความจริงมีหนึ่งเดียว“ ในวันที่ 17 มีนาคม 2567 ที่หอประชุมเล็กมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
ด้วยความปรารถนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
6 มีนาคม 2567
อ้างอิง
[1] ผู้จัดการออนไลน์, “หมอธีระวัฒน์” เผยพบปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เห็นมาก่อนในคนฉีดวัคซีน mRNA, 19 กุมภาพันธ์ 2567
https://mgronline.com/qol/detail/9670000015334
[2] ผู้จัดการออนไลน์, ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวอุดตันเส้นเลือด ในผู้ฉีดวัคซีน mRNA, 20 กุมภาพันธ์ 2567
https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694
[3] ผู้จัดการออนไลน์, “หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน, 21 กุมภาพันธ์ 2567
https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912
[4] ผู้จัดการออนไลน์, "ชลน่าน" เผย สธ.เตรียมออกแถลงการณ์ปม "แท่งย้วยสีขาว" หลังฉีดวัคซีน mRNA ด้านศูนย์จีโนมชี้ พบได้บ่อยหลังชันสูตรศพ, 21 กุมภาพันธ์ 2567
https://mgronline.com/qol/detail/9670000015963
[5] ผู้จัดการออนไลน์, สถาบันวัคซีนฯ แถลงชัด "ลิ่มเลือดสีขาว" ไม่ได้เกิดจากวัคซีน mRNA พบได้ปกติใน "คนตาย" มีมาตั้งแต่ก่อน "โควิด" ระบาด ขออย่ากังวล, 21 กุมภาพันธ์ 2567
https://mgronline.com/qol/detail/9670000015990
[6] ไทยโพสต์, 'หมอนิติเวช' โต้ แท่งย้วยสีขาวในคนตายฉีดวัคซีน mRNA พบได้ในผู้ตายทุกคน,21 กุมภาพันธ์ 2567
https://www.thaipost.net/human-life-news/538463/
[7] ผู้จัดการออนไลน์, อ้างติดเงื่อนไข สธ.ปฏิเสธเปิดสัญญา“ไฟเซอร์” คนไทยพิทักษ์สิทธิ์จวกยับ น่าเศร้า ขรก.ไทยกลัวบริษัทยา, 15 กุมภาพันธ์ 2567
https://mgronline.com/qol/detail/9670000014134
[8] National Heart, Lung, and Blood Institute, Disseminated Intravascular Coagulation (DIC)
https://www.nhlbi.nih.gov/.../disseminated-intravascular...
[9] Alison R. Krywanczyk, et al., Histologic and Immunohistochemical Features of Antemortem Thrombus Compared to Postmortem Clot: Updating the Definition of Lines of Zahn, Arch Pathol Lab Med (2023) 147 (11): 1241–1250.
https://meridian.allenpress.com/.../Histologic-and...
[10] กรมควบคุมโรค, ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องผลกระทบของวัคซีนโควิด 19 และข้อมูลการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดภายหลังการได้รับวัคซีน, เว็บไซต์สถาบันวัคซีนแห่งชาติ, 17 มกราคม 2567
http://nvi.go.th/.../17/prnews_2567_01_ddc_covid-19vaccine/
[11] เว็บไซต์สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, รายงานผู้ได้รับสิทธิเยียวยาจากการได้รับผลกระทบจากวัคซีนระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2564 ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567
https://subsidy.nhso.go.th/subsidy/...
[12] ผู้จัดการออนไลน์, "ปานเทพ" เผย 7 ประเด็นสำคัญผลกระทบจากวัคซีนโควิด อันตราย-อำมหิตกว่าที่คิด จี้หยุดฉีด, 21 กุมภาพันธ์ 2567
https://mgronline.com/qol/detail/9670000018762
[13] ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, เสียดายที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้อ่าน งานวิจัยผลกระทบจากวัคซีนต่อ “เด็กและเยาวชนไทย”,เฟซบุ๊ค แฟนเพจ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, 22 กุมภาพันธ์ 2567
https://www.facebook.com/100044511276276/posts/930738298419871/?
[14] Suyanee Mansanguan, et al., Cardiovascular Manifestation of the BNT162b2 mRNA COVID-19 Vaccine in Adolescents., Tropical Medicine and Infectious Disease, Published: 19 August 2022, 7(8), 196;https://doi.org/10.3390/tropicalmed7080196
[15] ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา, ชันสูตรศพผู้ตายจากวัคซีนโควิด 326 ราย, ผู้จัดการออนไลน์, 3 มีนาคม 2567
https://mgronline.com/qol/detail/9670000019343