“ชลน่าน” เผย รพ.วารินชำราบ พัฒนาระบบเยี่ยมบ้าน “สอน.บัดดี้” เพิ่มฟังก์ชัน “เทเลเมดิซีน” นำมาใช้ดูแลผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง โรคเรื้อรัง ที่ประสบภัยน้ำท่วม มีเจ้าหน้าที่ รพ.สต.นั่งเรือไปดูแล วิดีโอคอลหาแพทย์ช่วยติดตามอาการ สั่งจ่ายยา เสมือนไป รพ.
วันนี้ (13 ต.ค.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า นโยบายยกระดับ 30 บาทพลัส จะมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาพัฒนาระบบบริการสุขภาพ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการของประชาชน อย่างขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศไทยประสบปัญหาน้ำท่วม เช่น อุบลราชธานี เป็นต้น ทำให้ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ โดยเฉพาะผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง ผู้ป่วยโรคเรื้อรังต้องรับยาอย่างต่อเนื่อง ประสบปัญหาการเดินทางมารับบริการที่สถานพยาบาล ขณะที่บุคลากรก็ประสบปัญหาการลงพื้นที่เชิงรุกเพื่อดูแลประชาชน ซึ่ง รพ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ได้นำระบบ “สอน.บัดดี้” (Buddy Care) ที่พัฒนาโดยมูลนิธิพัฒนาสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ ๖๐ พรรษา นวมินทราชินี สำนักสนับสนุนระบบสุขภาพปฐมภูมิ และเครือข่ายแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ในเขตสุขภาพที่ 10 ซึ่งเป็นเครื่องมือสนับสนุนการทำงานเชิงรุกของระบบปฐมภูมิ มาใช้ดูแลสุขภาพผู้ประสบภัยน้ำท่วม
“สอน.บัดดี้ หรือ Buddy Care เป็นโปรแกรมเยี่ยมบ้าน ออกแบบมาให้บริการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน (Home Service) หรือให้บริการเชิงรุกแก่ประชาชน 6 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยจิตเวชและผู้ใช้สารเสพติด การดูแลระยะกลาง การดูแลระยะยาว การดูแลแบบประคับประคอง และส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคกลุ่มทารก เด็ก และมารดาหลังคลอด มีการเชื่อมโยงระบบส่งต่อผู้ป่วยจากการเยี่ยมบ้านผ่าน “Smart Refer” ซึ่งพัฒนาโดยเขตสุขภาพที่ 10 ทำให้ รพ.สามารถส่งต่อผู้ป่วยให้ รพ.สต./สอน.ในเครือข่ายได้อัตโนมัติ รพ.สต./สอน.จะทราบรายการผู้ป่วยที่ถูกส่งมา และออกไปให้บริการเยี่ยมบ้านผู้ป่วยได้ทันที” นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า นอกจากนี้ แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข รพ. ยังสามารถให้บริการเยี่ยมบ้านผู้ป่วยของ รพ.สต./สอน.ในเครือข่าย ทั้งเดินทางไปเยี่ยมเองหรือผ่านระบบเทเลเมดิซีน รวมถึงสามารถติดตามการดำเนินงานของ รพ.สต./สอน. ในเครือข่ายได้ ปัจจุบันระบบ สอน.บัดดี้ เปิดให้บริการผ่าน Web Application https://buddy-care.org/auth และจะพัฒนาระบบในรูปแบบ Mobile Application ให้ใช้งานในเร็วๆ นี้ โดยจะเริ่มจากระบบปฏิบัติการ Android ก่อน เนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมาก และจะเปิดให้บริการบนระบบปฏิบัติการ iOS ต่อไป รวมถึงมีแผนจะพัฒนาระบบ Mobile Application ให้สามารถดูแลผู้ป่วย/เยี่ยมบ้านในโหมด Offline ด้วย เพื่อให้การลงพื้นที่เยี่ยมบ้านมีความสะดวกในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต
“ช่วงน้ำท่วมที่ยังไม่มีเทเลเมดิซีน แพทย์จะต้องนั่งเรือไปดูแลรักษาจ่ายยาผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง ทำให้แพทย์ดูแลผู้ป่วยไม่สะดวกและบริการได้น้อย เพราะต้องเสียเวลาเดินทาง แต่ รพ.วารินชำราบ ซึ่งร่วมพัฒนาระบบ สอน.บัดดี้ ได้เพิ่มฟังก์ชันเทเลเมดิซีน และนำมาประยุกต์ใช้ช่วงน้ำท่วม ช่วยให้ดูแลผู้ป่วยได้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ รพ.สต.ใกล้บ้านผู้ป่วยจะนั่งเรือไปบ้านผู้ป่วย เพื่อติดตามอาการและจ่ายยาตามคำแนะนำของแพทย์ที่ รพ.ผ่านเทเลเมดิซีน เช่น ผู้ป่วยรายหนึ่งเดินไม่ได้ มีหลายโรคประจำตัว ทั้งความดันโลหิตสูง กระดูกพรุน ไขมันในเลือดผิดปกติ ต้องติดตามอาการและรับยาเป็นประจำ ที่บ้านน้ำท่วมสูง 20 เซนติเมตร ต้องขึ้นไปชั้น 2 มีลูกสาวดูแล เจ้าหน้าที่ รพ.สต.ได้นำยาไปให้ที่บ้านและวิดีโอคอลกับแพทย์ที่ รพ. เพื่อพูดคุยและติดตามอาการ ให้คำแนะนำดูแลตนเองช่วงน้ำท่วม ทำให้ผู้ป่วยได้รับยาและติดตามจากแพทย์เช่นเดียวกับไป รพ.” นพ.ชลน่าน กล่าว