เมื่อวันศุกร์ที่ 1 กันยายน 2566 โครงการเสริมศักยภาพทางด้านศิลปะ (Art Learning) โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถม ได้จัดพิธีปิดโครงการฯ และแสดงผลงานนักเรียน ภาคต้น ปีการศึกษา 2566 โดยมีอาจารย์ ศรียา เนตรน้อย ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถม, อาจารย์สมใจ จงรักวิทย์ ประธานโครงการฯ อาจารย์ บุคลากร ผู้ปกครอง รวมทั้งนักเรียนในโครงการฯ ให้เกียรติเข้าร่วมพิธี โดยภายในงานมีการจัดแสดงผลงานศิลปะของนักเรียนระดับชั้น ป.2 - ป.6 อันเป็นผลมาจากการได้เข้าร่วมโครงการเสริมศักยภาพทางด้านศิลปะ (Art Learning) ตลอดภาคการศึกษาที่ผ่านมา
ทั้งนี้ในงานดังกล่าว มีการการจัดเสวนาหัวข้อ มองอย่างศิลป์ : ครอบครัวศิลปิน “แก้วท่าไม้” ที่ประกอบไปด้วย “ศิลปินผู้เป็นพ่อ” อาจารย์สุรเดช แก้วท่าไม้ ศิลปินระดับประเทศซึ่งมีชื่อเสียงระดับประเทศ และสร้างชื่อจากผลงานศิลปะในแนวโรแมนติก โดยจบการศึกษาจากคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นอาจารย์พิเศษ ที่คณะจิตรกรรม ประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร ประมาณ 25 ปี พร้อมกับสร้างสรรค์ผลงานศิลปะและเขียนภาพประกอบในนิตยสารพลอยแกมเพชรจนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากขึ้น ปัจจุบันเป็นศิลปินอิสระ พร้อมกับ “ศิลปินผู้เป็นแม่” ปุสตี แก้วท่าไม้ ซึ่งจบการศึกษาจากคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นศิลปิน และนักออกแบบอิสระ
ทั้งสองท่าน เล่าถึงเส้นทางการบ่มเพาะให้ บุตรชายฝาแฝด วัย 21 ปี "โอบ" สิปปกร แก้วท่าไม้ และ "เอื้อ" สิปปภาส แก้วท่าไม้ เดินตามรอยเส้นทางศิลปินของครอบครัว จนต่อยอดกลายเป็น “ดุริยจิตรกร” ที่เป็นทั้งจิตรกรผู้สร้างงานศิลปะ และนักเปียโนคลาสสิค โดยทั้งคู่จบการศึกษา Postgraduate Diploma จาก Jacobs School of Music, Indiana University ประเทศสหรัฐอเมริกา
อนึ่ง การเสวนาในวันนั้น ดำเนินรายการโดย อาจารย์ปุณณภพ บุญเกตุ อาจารย์พิเศษ คณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
อ.สุรเดช แก้วท่าไม้ กล่าวถึงเคล็ดลับสำคัญที่ ในการเลี้ยงลูกอย่างไรให้เติบโตในเส้นทางศิลปะไว้ว่า
"เด็กวัยเล็กต้องเล่นไปพร้อมกับการเรียนรู้ พ่อแม่ต้องเล่นไปกับเขาและสนุกไปกับเขา จัดพื้นที่ให้เด็กทดลอง อย่ากลัวบ้านเลอะ อย่ากลัวเด็กมือบอน เพราะวันหนึ่งเขาจะกลายเป็น Born to be..."
"ส่วนเด็กในวัยประถม ต้องสร้างบรรยากาศที่เชื่อมโยงกับศิลปะให้เขา เช่นมีภาพเขียน มีข้อมูล หนังสือศิลปะดีๆ พร้อมที่จะหยิบยื่นให้ แล้วถ้าเด็กสนใจค่อยส่งเสริม ต่อยอด หรือบางช่วงที่มีงานแสดงศิลปะที่มีมุมมองตรงกับความสนใจของเด็ก ก็ควรพาไปดู เพราะจริงๆ แล้วการเสพงานศิลป์ นอกจากลูกจะได้ค้นหาเส้นทางของตนเองแล้ว ในทางหนึ่งศิลปะก็สามารถเยียวยาพ่อแม่ได้ด้วย"
แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกันอย่างลงตัวกับโครงการเสริมศักยภาพทางด้านศิลปะ (Art Learning) โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถม ที่จัดขึ้นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักเรียนในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ได้รับรู้คุณค่าความงามของศิลปะ และเพื่อเป็นแนวทางให้พ่อแม่และผู้ปกครองที่มีความสนใจในการพัฒนาศักยภาพทางด้านศิลปะให้แก่บุตรหลาน สามารถนำไปปรับใช้และเป็นประโยชน์ในการพัฒนาศักยภาพให้แก่บุตรหลานได้
สำหรับโครงการเสริมศักยภาพทางด้านศิลปะ ART LEARNING เป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อจัดการเรียนรู้ทางด้านศิลปะให้แก่นักเรียนที่มีความสามารถสูงทางด้านศิลปะในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2-6 โดยเริ่มดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปีการศึกษา 2554 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มีการจัดกิจกรรมทางศิลปะที่มีความหลากหลายและน่าสนใจทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน เพื่อเป็นการเพิ่มเติมประสบการณ์ในการเรียนรู้ศิลปะทั้งในด้านการพัฒนาทักษะความสามารถทางศิลปะ และการรับรู้คุณค่าความงามของศิลปะในด้านจิตใจ ซึ่งการจัดกิจกรรมศิลปะของโครงการได้รับความอนุเคราะห์จากคณาจารย์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการทำงานศิลปะ นอกจากนั้นยังได้รับเกียรติจากศิลปินที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศและนานาชาติ ที่ให้ความอนุเคราะห์ในการบรรยายและนำชมงานศิลปะ รวมทั้งการเยี่ยมชมบ้านศิลปินและสถานที่สร้างงานศิลปะอีกด้วย