“หมอปัตพงษ์” แฉมีความพยายามโจมตีกัญชาว่าทำให้เกิดโรคจิต เพื่อให้แพทย์และประชาชนไม่กล้าใช้กัญชา แต่การวิจัยล่าสุดในหลายประเทศพบว่า การเปิดเสรีกัญชาไม่ได้ทำให้คนเป็นโรคจิตมากขึ้น และกัญชามีสรรพคุณใช้รักษาบรรเทาโรคจิตได้ดี แนะฟังข้อมูลอย่างรอบด้าน จะได้ไม่ถูกหลอก จนเห็นดอกบัวเป็นกงจักร
รศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์ หน่วยเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยแพร่บทความเรื่อง "การเปิดเสรีกัญชาไม่ได้ทำให้คนเป็นโรคจิตมากขึ้นและกัญชาใช้รักษาบรรเทาโรคจิตได้ดี" มีเนื้อหาสรุปได้ว่า มีความพยายามโจมตีกัญชาว่าทำให้เกิดโรคจิต เพื่อทำให้แพทย์และประชาชนไม่กล้าใช้กัญชา แต่การวิจัยล่าสุดในหลายประเทศพบว่า การเปิดเสรีกัญชาไม่ได้ทำให้คนเป็นโรคจิตมากขึ้น และกัญชามีสรรพคุณใช้รักษาบรรเทาโรคจิตได้ดี ประชาชนจึงควรพิจารณาฟังข้อมูลอย่างรอบด้าน จะได้ไม่ถูกหลอก จนเห็น “ดอกบัว” เป็น “กงจักร”
รศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ บอกว่า มีการกล่าวหากัญชาว่าเป็นยาเสพติด และทำให้เกิดโรคจิต มาตั้งแต่เมื่อ 80 ปีก่อน สร้างหนังเผยแพร่ ตอกย้ำบ่อยๆ พอคนหลงเชื่อ ก็ออกกฎหมายจัดให้กัญชาเป็นยาเสพติด เพื่อขจัดคู่แข่งสินค้าปิโตรเคมี ปัจจุบันยังคงมีการผลิตข้อมูลและงานวิจัยที่มีอคติ และใช้สื่อสารมวลชนประโคมข่าวโจมตีว่า กัญชาทำให้เป็นโรคจิต อย่างต่อเนื่อง ฝังลึกในหัวประชาชน เพื่อทำให้แพทย์และประชาชนไม่กล้าใช้กัญชา คนไหนยึดกุมสื่อได้ คนนั้น คือ ผู้ผูกขาดความรู้
อย่างไรก็ตาม อินเทอร์เน็ตทำให้ประชาชนจำนวนมากเข้าถึงความจริง พบว่า กัญชาไม่ใช่ยาเสพติดและใช้รักษาโรคได้จำนวนมาก เมื่อรู้ว่าถูกหลอก จึงกดดันให้นักการเมืองแก้กฎหมายยาเสพติด เอาผู้ป่วยออกจากคุก เปิดโอกาสให้คนเข้าถึงกัญชารักษาโรคได้กว้างขวาง เริ่มต้นที่มลรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อ 27 ปีก่อน ฝ่ายต่อต้านกัญชาจึงออกมาเตือนว่า ถ้าคนเข้าถึงกัญชาได้ง่ายขึ้นเช่นนี้ ประชาชนจะเป็นโรคจิตมากขึ้น
การแก้กฎหมายกัญชาของแต่ละมลรัฐ ในสหรัฐอเมริกา มีระดับความเสรีแตกต่างกัน ในปี พ.ศ. 2562 กัญชายังคงผิดกฎหมายใน 12 มลรัฐ ให้ใช้ในทางการแพทย์เท่านั้น 16 มลรัฐ และให้ปลูกและใช้แบบนันทนาการได้ 22 มลรัฐ บางมลรัฐอนุญาตให้มีร้านจำหน่ายกัญชาทั่วไป แต่ทุกมลรัฐสามารถใช้ “ซีบีดี” ได้อย่างเสรี
งานวิจัยที่เผยแพร่เมื่อปี พ.ศ. 2565 เพื่อตอบคำถามว่า การเปิดเสรีกัญชามีผลทำให้คนเป็นโรคจิตเพิ่มขึ้นหรือไม่ รวบรวมข้อมูลจากทุกมลรัฐ ทั่วประเทศ จำนวนมากถึง 63 ล้านคน ที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปี ขึ้นไป ผลการวิจัยพบว่า การเปิดเสรีกัญชา ไม่ได้ทำให้คนเป็นโรคจิตมากขึ้น ความชุกของการเป็นโรคจิตของมลรัฐที่เปิดเสรีระดับต่างๆกัน มีอัตรา “ใกล้เคียงกัน” นั่นคือ มีเพียงร้อยละ 0.3 ถึง 0.5 เท่านั้น ซึ่งเป็นอัตราการเกิดโรคจิตของประชากรทั่วไป
ข้อโจมตีอีกประการหนึ่งคือ คนเป็นโรคจิตที่ใช้กัญชาจะมีอาการแย่ลง ต้องไปรับบริการมากขึ้น แต่ใน ประเทศแคนาดามีการแก้กฎหมายให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ได้เมื่อปี พ.ศ. 2544 และเปิดเสรีกัญชาให้ใช้แบบนันทนาการได้ เมื่อปี พ.ศ.2561 การศึกษาโดยใช้ข้อมูลจากสองจังหวัด คือ อัลเบอร์ตา และออนตาริโอ ซึ่งมีประชากรรวม 19 ล้านคน เก็บสถิติการมาห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลทุกแห่ง ผลการศึกษา พบว่า สถิติการมาห้องเพราะปัญหาโรคจิต หลังการเปิดเสรีกัญชา “ไม่ได้” เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
สำหรับในประเทศไทย สถิติเมื่อปี พ.ศ.2556 (ก่อนแก้กฎหมายกัญชา) พบว่า อัตราความชุกของโรคจิตในประเทศไทย เท่ากับร้อยละ 0.6 ถึง 0.7 และสถิติปี พ.ศ. 2565 (หลังแก้กฎหมายกัญชา) พบว่า มีผู้ป่วยโรคจิต เท่ากับ ร้อยละ 0.50 แสดงว่า ปัจจุบันคนไทยเป็นโรคจิตใกล้เคียงเดิม หรือลดลงเล็กน้อย
นอกจากนี้ยังพบว่า กัญชามีศักยภาพในการรักษาบรรเทาโรคจิตได้ดีอีกด้วย ปัจจุบันมีงานวิจัย เรื่องสรรพคุณของ “ซีบีดี” ในการรักษาโรคจิต ที่ตีพิมพ์เผยแพร่แล้วอย่างน้อยจำนวน 3 งานวิจัย งานวิจัยแรกสรุปว่า “ซีบีดี” ขนาดสูง 800 มิลลิกรัมต่อวัน มีสรรพคุณในการรักษาโรคจิตได้ดี เท่ากับยาแผนปัจจุบัน แต่มีอาการข้างเคียง น้อยกว่า
งานวิจัยที่สองสรุปว่า การให้ “ซีบีดี” ขนาด 1,000 มิลิกรัมต่อวัน ร่วมไปกับยาแผนปัจจุบัน จะได้ผล “ดีกว่า” การใช้ยาแผนปัจจุบันเพียงอย่างเดียว
ปัจจุบันมีงานวิจัยเรื่องสรรพคุณของ “ซีบีดี” ในการรักษาโรคจิต ที่กำลังดำเนินการอยู่ อย่างน้อยจำนวน 7 งานวิจัย
ที่จริงแล้ว ควรมีการศึกษา การใช้กัญชาแบบรวมๆ ที่มีทั้ง “ทีเอ็ชซี” และ “ซีบีดี” และสารอื่นๆในกัญชา ว่าสรรพคุณในการรักษาบรรเทาโรคจิตได้ดีเพียงใด เพราะจะทำให้ประชาชนพึ่งตนเองได้มากขึ้น
ดังกรณีศึกษา นายโกเมน ป่วยเป็นโรคจิต ชนิดอารมณ์สองขั้ว รักษาโดยกินยาแผนปัจจุบันหลายชนิด แต่อาการกลับทรุดลง ลุกไม่ได้ ทำงานทำการไม่ได้ หากินไม่ได้ มือสั่นไหว กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง อยู่นาน 1 เดือน เขารับสภาพนี้ไม่ได้ จึงหันมาสูบกัญชา ปรากฏว่า อาการดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนมีอารมณ์พุ่ง พอสูบกัญชาแล้ว อาการจะอ่อนลง ตอนมีอาการซึมเศร้า พอสูบกัญชาแล้วอารมณ์จะดีขึ้น สามารถไปออกกำลังกายในยิมได้นานถึงสามชั่วโมง ร่างกายแข็งแรง ตอนนี้สามารถลดยาจิตเวชลงได้ เหลือเพียงชนิดเดียว
รศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ อ้างถึงศาสตราจารย์ คาร์ล ฮาร์ท ผู้เชี่ยวชาญด้านยาเสพติด ที่มีชื่อเสียงมาก แห่งมหาวิทยาลัยโคลมเบีย สหรัฐ ยืนยันว่า กัญชาไม่ได้ทำให้เป็นโรคจิต คนเป็นโรคจิตหรือเสี่ยงที่จะเป็นโรคจิตมีแนวโน้มจะใช้กัญชา เพราะเขาใช้แล้วอาการดีขึ้น
“ความพยายามโจมตีกัญชา โดยใช้ข่าวลวงและข้อมูลที่มีอคติ มีมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ประชาชนเห็น “ดอกบัว” เป็น “กรงจักร”ประชาชนจึงพึงรับฟังข้อมูลรอบด้าน และอย่าให้ใครมาหลอกลวงได้อีก” รศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ย้ำ