ผลวิจัยใหม่พบ “บุหรี่ไฟฟ้า” ทำลายดีเอ็นเอเซลล์ในช่องปาก 2.6 เท่า ไม่ต่างจากคนศุบบุหรี่ธรรมดาที่ทำลาย 2.2 เท่า ขจัดข้อสงสัยกลุ่มหนุน เหตุศึกษาวิจัยชัดในคนสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่เคยสูบบุหรี่มวน
เมื่อวันที่ 21 ก.พ. รศ.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล กล่าวว่า จากผลงานวิจัยใหม่โดยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซาท์เทิร์น แคลิฟอร์เนีย ซึ่งคัดเลือกผู้ใหญ่ 72 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.ผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า (ไม่เคยสูบบุหรี่ธรรมดาเลย) 2.ผู้สูบบุหรี่ธรรมดา (ไม่เคยสูบบุหรี่ไฟฟ้าเลย) และ 3.ผู้ที่ไม่มีประวัติสูบทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ธรรมดา เก็บข้อมูลประวัติการสูบ ความถี่ ชนิดของบุหรี่ที่สูบ และความเสี่ยงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด และเก็บตัวอย่างเซลล์เยื่อบุช่องปากทุกคน เพื่อนำมาตรวจลักษณะของดีเอ็นเอ
ผลวิจัยพบว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลให้ดีเอ็นเอของเซลล์ในช่องปากถูกทำลายไม่ต่างจากการสูบบุหรี่ธรรมดา ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ รวมทั้งโรคมะเร็ง โดยคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าพบดีเอ็นเอของเซลล์เยื่อบุช่องปากถูกทำลายเป็น 2.6 เท่า ส่วนคนที่สูบบุหรี่ธรรมดาพบดีเอ็นเอถูกทำลายเป็น 2.2 เท่าเมื่อเทียบกันคนที่ไม่มีประวัติสูบบุหรี่ใดๆ
"ในกลุ่มที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าพบว่า ยิ่งสูบมากขึ้น ดีเอ็นเอยิ่งถูกทำลายมาก หากพิจารณาตามชนิดบุหรี่ไฟฟ้าที่สูบ พบว่า ผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าแบบพอด ดีเอ็นเอถูกทำลายมากที่สุด หากพิจารณาตามรสชาติ เช่น รสผลไม้ รสเมนทอล พบดีเอ็นเอถูกทำลายมากขึ้น ทั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับระดับนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ว่าจะมีนิโคตินมากหรือน้อยก็ส่งผลให้ดีเอ็นเอถูกทำลายเช่นกัน" รศ.พญ.เริงฤดีกล่าว
รศ.พญ.เริงฤดีกล่าวว่า งานวิจัยชิ้นนี้ขจัดข้อสงสัยของกลุ่มสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าที่มักออกมาโต้แย้งงานวิจัยที่แสดงถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า โดยมักอ้างว่าเป็นเพราะคนสูบบุหรี่ไฟฟ้าเคยสูบบุหรี่ธรรมดามาก่อน เพราะงานวิจัยชิ้นนี้คัดเลือกคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่เคยสูบบุหรี่ธรรมดาเลย ดังนั้น ผลการศึกษาจึงบอกได้อย่างชัดเจนว่า การที่เซลล์ดีเอ็นเอถูกทำลายซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งนี้เป็นผลจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าจริง ๆ ที่สำคัญงานวิจัยในหนูทดลอง พบว่า หนู 9 ตัว จาก 40 ตัวที่ได้รับไอบุหรี่เป็นเวลาหนึ่งปีเศษ เป็นมะเร็งปอด และ 22 ตัวมีการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะที่เหมือนเนื้อมะเร็งระยะแรก
"การที่กลุ่มสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าพยายามให้ข้อมูลกับสังคมว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษน้อยกว่า ทำให้มีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา เชื่อถือไม่ได้แล้ว เพราะสารพิษน้อยกว่าไม่ได้หมายความว่า อันตรายน้อยกว่า นอกจากนี้ บุหรี่ไฟฟ้ายังมีสารเคมีอีกกว่า 2,000 ชนิดที่ไม่พบมาก่อนในบุหรี่ธรรมดา ส่วนกรณีดราม่าในสังคมไทย และนักการเมืองหลายพรรคกำลังมีความคิดว่าจะทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย อยากให้พิจารณาผลการศึกษาวิจัยบุหรี่ไฟฟ้าอย่างรอบคอบ คิดถึงผลกระทบที่จะเกิดกับสังคมโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนให้มากๆ ข้ออ้างที่ว่าทำบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมายเพื่อลดปัญหาคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกจุด ที่ถูกต้องคือแก้ที่เจ้าหน้าที่ให้บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง" รศ.พญ.เริงฤดีกล่าว