เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า (ECST) หวังพรรคการเมืองดัน “ปลดล็อกบุหรี่ไฟฟ้า” เชื่อสร้างความแตกต่างให้นโยบายพรรคได้ แถมได้ประโยชน์ต่อประเทศชาติทั้งอุดช่องโหว่คอร์รัปชันและคืนรายได้ให้รัฐ โต้ยิ่งผลักให้ผู้ใช้มีความผิดเท่ากับเป็นการรังแก ชี้ผู้สูบบุหรี่ในไทยกว่า 9.9 ล้านคนต้องการทางเลือกให้ตนเอง เช่นเดียวกับอีกกว่า 70 ประเทศทั่วโลก
ภายหลังบุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นประเด็นถกเถียงในสังคมจากกรณีดาราสาวชาวไต้หวันถูกรีดไถเพราะใช้บุหรี่ไฟฟ้า คนดังและนักการเมืองหลายราย เช่น นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รวมถึงนายสมบัติ บุญงามอนงค์ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องของ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ บทลงโทษของการครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า และความไม่ชัดเจนของข้อกฎหมาย พร้อมเสนอให้ศึกษาแนวทางปลดล็อกบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมาย ในขณะที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา 5 หน่วยงานรัฐได้ออกมาแถลงว่าผู้ขาย ผู้ให้บริการ ผู้นำเข้า และผู้ครอบครองมีความผิดนั้น
นายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า กลุ่มลาขาดควันยาสูบ (ECST) และเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ที่มีผู้ติดตามกว่า 100,000 ราย ให้ความเห็นสนับสนุนแนวคิดดังกล่าวว่า “พวกเราเห็นด้วยว่าควรทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย เพราะไม่เพียงแต่ปิดช่องว่างทางกฎหมายที่ก่อให้เกิดการรีดไถพี่น้องประชาชนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า แต่ยังช่วยป้องกันการเข้าถึงของเด็กและเยาวชน รวมถึงเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ภาษีคืนรัฐอีกด้วย”
"การตีความของหน่วยงานรัฐว่าผู้ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้ามีความผิดด้วยนั้น ยังคงถูกตั้งคำถามว่าชอบด้วยเหตุผลหรือไม่ การใช้อำนาจตีความแบบนี้ใช้โดยชอบไหม และสร้างภาระสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนมากยิ่งขึ้นเพราะในกฎหมายไม่มีการระบุถึงความผิดของผู้ใช้หรือผู้ครอบครองโดยตรง แถมบทลงโทษของผู้ใช้ที่ตีความกันยังมีโทษหนักกว่าผู้ขายเสียอีก ยิ่งตีความแบบนี้ยิ่งเท่ากับเปิดช่องให้ตำรวจมารีดไถประชาชนเหมือนที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาหลายปี ซึ่งเรื่องนี้เราเคยร้องไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบอีกทางหนึ่งแล้ว"
“เพิ่งมีข่าวคุณครูท่านหนึ่งออกมาโพสต์ในโซเชียลมีเดียว่าเด็กนักเรียนชั้นมัธยม 1 แอบใช้บุหรี่ไฟฟ้าในห้องเรียนซึ่งซื้อมาจากตลาดนัดใกล้บ้าน เรื่องนี้ให้เห็นว่าการแบนบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ทำให้รัฐบาลป้องกันการใช้ในกลุ่มเยาวชนได้เลย หากมีการนำบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาบนดิน ทำให้ถูกกฎหมาย ผู้ขายก็จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและช่วยสอดส่องดูแลไม่ให้มีการขายแก่เด็กๆเช่นเดียวกับบุหรี่ที่มีการควบคุมและมีกฎหมายอายุขั้นต่ำ”
นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายฯ อีกรายกล่าวเสริมว่า “จากที่ติดตามกระแสการเลือกตั้งรอบที่จะถึงนี้ เราเห็นว่ามีหลายพรรคที่กล่าวถึงบุหรี่ไฟฟ้าโดยตรงและมีความสนใจที่จะปลดล็อกธุรกิจสีเทา เช่น กาสิโน หวยใต้ดิน หรือธุรกิจเซ็กซ์ครีเอเตอร์ให้ถูกกฎหมาย นี่อาจเป็นโอกาสสำคัญในการแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชัน รีดไถเก็บเงินส่วย และทำให้รัฐบาลเก็บภาษีจากสินค้าเหล่านี้ได้มากขึ้น แทนที่จะปล่อยให้เป็นสินค้าใต้ดินต่อไป
สอดคล้องกับหน่วยงานทางสาธารณสุขในประเทศชั้นนำ เช่น อย.สหรัฐอเมริกา สาธารณสุขอังกฤษ สาธารณสุขแคนาดา สาธารณสุขนิวซีแลนด์ และอีกกว่า 70 ประเทศที่ยอมรับแนวคิดการลดอันตรายจากยาสูบ (tobacco harm reduction) มาใช้ควบคู่กับมาตรการเดิมในปัจจุบันและระบุว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่แบบเดิม เพื่อช่วยลดอัตราการสูบบุหรี่และลดอันตรายให้แก่ผู้สูบบุหรี่ที่ยังจะสูบบุหรี่ต่อไป เราเชื่อมั่นว่าผู้สูบบุหรี่ชาวไทยกว่า 9.9 ล้านคน รวมทั้งผู้ที่ได้รับควันบุหรี่มือสองมากกว่า 10 ล้านคนก็อยากได้ทางเลือกที่ดีกว่าให้ตนเองและคนรอบข้างทั้งนั้น”