วารสารการแพทย์ระดับโลกถอนงานวิจัยบุหรี่ไฟฟ้า หลังพบขั้นตอนวิจัยและข้อสรุปไม่ถูกต้อง แถมผู้จัดทำยังมีอคติกับบุหรี่ไฟฟ้า เครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้า ECST จี้นักวิชาการไทยมีความรับผิดชอบ หยุดให้ข้อมูลบิดเบือนเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า แนะให้ข้อมูลสื่ออย่างถูกต้อง เป็นกลาง เพื่อช่วยลดอันตรายให้คนสูบบุหรี่
นายอาสา ศาลิคุปต เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า กลุ่มลาขาดควันยาสูบ ECST และผู้ดูแลเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 100,000 ราย เผยว่า “เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาวารสารวิชาการด้านมะเร็งระดับโลก World Journal of Oncology ได้ถอดงานวิจัยฉบับหนึ่งออก เพราะมีการสรุปผลคลาดเคลื่อนว่าผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคตินจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งเทียบเท่ากับผู้ที่สูบบุหรี่มวน โดยให้เหตุผลว่ามีข้อกังขาจำนวนมากเกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการศึกษา แหล่งข้อมูล วิธีการประมวลผล รวมถึงผลการวิเคราะห์เชิงสถิติ ความน่าเชื่อถือและข้อสรุปของงานวิจัยนี้ เนื่องจากผู้เขียนไม่สามารถระบุหลักฐานและคำอธิบายที่มีน้ำหนักเพียงพอได้”
รายงานหัวข้อ “ความชุกของการเกิดโรคมะเร็งในผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า: การศึกษาย้อนหลังแบบตัดขวางในช่วงเวลาหนึ่ง (Retrospective Cross-sectional Study) จากการสํารวจภาวะสุขภาพและโภชนาการระดับชาติโดยการตรวจร่างกาย (National Health and Nutrition Examination Survey (NHANES))” ได้รับการตีพิมพ์ไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2022 แต่ภายหลังมีการสอบทวนทางวิชาการ (Peer Review) และมีข้อสงสัยเกี่ยวกับระเบียบการทำวิจัย การประมวลผลข้อมูล และความน่าเชื่อถือของข้อสรุป ซึ่งผู้จัดทำไม่สามารถให้ข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมหรือตอบคำถามได้ จึงทำให้บรรณาธิการของวารสารดังกล่าวต้องถอดงานวิจัยนี้ออก
งานวิจัยนี้ทำการศึกษาข้อมูลการสำรวจด้านสุขภาพและโภชนาการแห่งชาติ ซึ่งสอบถามกลุ่มตัวอย่าง 154,856 คนในช่วงปี 2015-2018 โดยมีคำถามเกี่ยวกับการสูบบุหรี่และการใช้บุหรี่ไฟฟ้า และยังถามว่าผู้ตอบเคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ อย่างไรก็ตาม คำถามที่เกี่ยวกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ระบุถึงระยะเวลาหรือปีที่เริ่มใช้บุหรี่ไฟฟ้า โดยทีมผู้วิจัยตั้งข้อสังเกตว่าในกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นมะเร็งเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพราะต้องการเลิกบุหรี่ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าพวกเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า ดังนั้น การที่การศึกษานี้สรุปว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีความเกี่ยวข้องกับการเป็นมะเร็งจึงไม่ถูกต้อง
ข้อกังวลการทำการศึกษาและข้อสรุปของงานวิจัยนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับผลการศึกษาอื่นๆ ที่เชื่อมโยงการใช้บุหรี่ไฟฟ้ากับโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ แต่ไม่สามารถตอบคำถามได้ว่าการวินิจฉัยโรคนั้นเกิดขึ้นก่อนหรือหลังผู้เข้าร่วมการศึกษาเริ่มใช้บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นที่จำเป็นสำหรับการศึกษาต้นตอของโรค ในปี 2020 เหตุผลนี้ก็ทำให้บทความในวารสาร The American Heart Association เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าและโรคหัวใจถูกถอดถอนเช่นกัน
“ในต่างประเทศ หากพบว่าการทำวิจัยหรือผลการวิจัยไม่ถูกต้องก็จะต้องถูกถอดออก ไม่ปล่อยให้มีการเผยแพร่ต่อ แต่นักวิชาการหรือเครือข่ายหมอบางกลุ่มในประเทศไทยมักจะหยิบยกงานวิจัยที่สรุปผลคลาดเคลื่อนเหล่านี้มาเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน หรือทำการศึกษาที่เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าแบบมีอคติ มีการตั้งธงไว้ก่อนแล้วว่าทำเพื่อให้ได้ข้อมูลมาสนับสนุนให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกแบนต่อไป เน้นสร้างความหวาดกลัวมากกว่าให้ความรู้แก่ประชาชนอย่างรอบด้าน”
“ก่อนหน้านี้ประเทศเราก็มีดรามาในแวดวงวิชาการที่มีการซื้อขายงานวิจัย เคลมชื่อเป็นผู้เขียนโดยไม่ได้ลงมือทำจริง ลากโยงไปถึงประเด็นความขัดแย้งด้านผลประโยชน์เพื่อขอทุนจากหน่วยงานต่างๆ ที่ตอนนี้สังคมกำลังเรียกร้องให้มีการตรวจสอบ เราจึงอยากเรียกร้องให้มีการนำเสนอข่าวหรือข้อมูลที่เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าที่ถูกต้องและนำบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาควบคุมอย่างเหมาะสมพร้อมเก็บภาษีสรรพสามิตเพื่อสร้างรายได้และป้องกันการเข้าถึงของเด็กและเยาวชน เพราะการสร้างความเข้าใจผิดและกีดกันไม่ให้ผู้สูบบุหรี่เปลี่ยนไปใช้บุหรี่ไฟฟ้า และเป็นอุปสรรคต่อการลดอันตรายจากยาสูบ (tobacco harm reduction) และการเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ ซึ่งการศึกษาที่ไม่ได้มาตรฐานอย่างเช่นการศึกษาที่ถูกถอดถอนฉบับนี้ก็เป็นหนึ่งในตัวการสร้างความเข้าใจผิดเช่นกัน
ที่มา