"หมอประกิต" เรียกร้อง ตร.จับร้านขาย "บุหรี่ไฟฟ้า" ผู้ที่ลักลอบนำเข้ามาขาย แทนจับ "นักท่องเที่ยวต่างชาติ" ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า แม้ผิดกม.ห้ามนำเข้า แต่ไม่ควรไปเอาผิดขณะมาเที่ยว เว้นครอบครองไว้เพื่อขาย
เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวถึงกรณีที่ข่าวตำรวจหลายพื้นที่จับนักท่องเที่ยวที่มีบุหรี่ไฟฟ้าในครอบครอง ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องแก้ไขโดยเร่งด่วนที่สุด เพราะทำให้ภาพพจน์ตำรวจและประเทศไทยเสียหายมาก ไม่ตอบโจทย์เจตนารมณ์รัฐบาลที่ออกกฎหมายห้ามนำเข้า ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อต้องการคุ้มครองสุขภาพของคนไทย โดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่น ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมอย่างเร่งด่วน กำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมายห้ามนำเข้า ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า กำหนดแนวทางปฏิบัติที่สมเหตุสมผลและประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทยได้รับทราบ เพื่อแก้ไขภาพลักษณ์ของไทยที่เสียหาย และลดความรุนแรงของการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนไทย
สำหรับกรณีนักท่องเที่ยวครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนตัวเห็นว่าควรแยกเป็น 2 กรณี คือ 1.กรณีครอบครองเพื่อสูบเองเพียง 1-2 ชิ้น แม้ยังมีความผิดตามกฎหมาย ห้ามนำเข้าของกระทรวงพาณิชย์และกฎหมายของศุลกากร แต่ตำรวจไม่ควรไปเอาความผิดขณะที่เขามาท่องเที่ยวในไทยเพียงไม่กี่วัน และ 2.กรณีที่ครอบครองจำนวนมากเกินกว่าที่จะใช้เอง โดยมีการครอบครองไว้เพื่อขาย ตำรวจควรดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่ไม่ใช่ดำเนินการในลักษณะข่มขู่ขูดรีด
“ขณะนี้มีผู้ร้องเรียนว่า พบเห็นร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างโจ่งแจ้งในท้องที่ต่างๆ แทบทุกวัน ทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด ซึ่งผิดกฎหมายตามประกาศของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ห้ามขายและให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า บารากู่ เป็นเรื่องที่ตำรวจทุกท้องที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายได้เลย ซึ่งจะลดการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชน ที่ตอนนี้ระบาดเข้าไปในโรงเรียนแล้ว” ศ.นพ.ประกิต กล่าว