ดับฝันบุหรี่ไฟฟ้า “อนุทิน”เอาจริงสั่งกรมควบคุมโรคประสานตร.-ศุลกากรปราบจับ-ปรับ-ลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมมอบสสส.สร้างความเข้าใจเน้นสร้างต้นแบบสถานศึกษาปลอดบุหรี่ปลื้มปีใหม่อุบัติเหตุลด 20 %ประสานทุกหน่วยงานสานเดินหน้าต่อเฝ้าระวัง “ดื่มไม่ขับ”ช่วงสงกรานต์ 66
นายอนุทินชาญวีรกูลรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะประธานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)กล่าวในการประชุมกรรมการกองทุนสสส.ครั้งที่ 2/2566ว่าได้มอบหมายกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)สนับสนุนหน่วยงานต่างๆให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องในการควบคุมดูแลบุหรี่ไฟฟ้าไม่ดำเนินการใดๆที่เอื้อต่อการนำบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาในประเทศไทยประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติกรมศุลากรในการจับกุมผู้กระทำผิดลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าเพราะถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายเพื่อทำให้การควบคุมดูแลบุหรี่ไฟฟ้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและขอให้สสส.เร่งรณรงค์สร้างความตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเยาวชนไม่ให้หลงเชื่อและกลายเป็นนักสูบหน้าใหม่รวมถึงทำงานร่วมกับสถานศึกษาเประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ต้นแบบปลอดบุหรี่ไฟฟ้า
“ที่ผ่านมาได้ผมมีโอกาสหารือกับศ.นพ.ประกิตวาทีสาธกกิจประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่และศ.เกียรติคุณพญ.สมศรีเผ่าสวัสดิ์นายกแพทยสภาเกี่ยวกับประเด็นบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งผมก็เห็นพ้องกับทั้ง 2ท่านในประเด็นพิษภัยและผลกระทบต่อสุขภาพที่จะเกิดจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะจากการสูบตั้งแต่อายุยังน้อยแม้ที่ผ่านมาจะมีหลายส่วนที่ร้องเรียนเข้ามาพยายามอ้างว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษน้อยกว่าบุหรี่มวนแต่ยืนยันว่าผมไม่มีนโยบายที่จะเพิ่มช่องทางหรือเพิ่มโอกาสให้กับการลองสิ่งที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพใหม่ๆผมไม่อนุญาตแน่นอน”นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวอีกว่าจากสถิติอุบัติเหตุในช่วงปีใหม่ 2566พบว่ามีจำนวนการเกิดลดลงกว่าร้อยละ 20ถือเป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันระหว่างหลายภาคส่วนรวมถึงสสส.และภาคีเครือข่ายในการสื่อสารรณรงค์และส่งเสริมมาตรการระดับต่างๆโดยเฉพาะในระดับชุมชนตำบลที่มุ่งลดอุบัติเหตุทางถนนแม้ปัจจุบันจะมีผู้เดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลมากขึ้นกว่าช่วงสถานการณ์โควิด-19ตนหวังว่าสสส.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะใช้เป็นแนวทางในการสื่อสารรณรงค์สร้างความตระหนักอันตรายจากการดื่มแล้วขับอย่างต่อเนื่องเพื่อลดจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566ที่จะถึงนี้ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอให้เปิดผับถึงตี 4เพราะคำนึงถึงสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลักแต่ในบางจุดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอาจมีการพิจารณาตามความเหมาะสมเป็นกรณีไปโดยพยายามถ่วงดุลทั้งทางด้านสังคมและเศรษฐกิจเพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าได้อย่างไม่เสียหาย