"อนุทิน" เผย 2 สัปดาห์ปลดล็อก "กัญชา" กระแสตอบรับดี อนุมัติจดแจ้งปลูก จดทะเบียนผลิตภัณฑ์กว่า 8.1 แสนราย จ่อเซ็นวันนี้ออกประกาศ "กัญชา" สมุนไพรควบคุม ใช้ประโยชน์ในผู้ที่อยุ 20 ปีขึ้นไป ยกเว้นใช้ในที่สาธารณะและหญิงตั้งครรภ์ให้นมบุตร ช่วยสกัดการเข้าถึงในเด็กและเยาวชน ส่วน "ช่อดอก" ปรุงอาหารได้ ไม่ห้าม ใช้ 1-2 ช่อในหม้อต้ม อย่าใส่เกิน หากปริมาณเกินเป้นยาเสพติดก็ผิดกฎหมาย
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดประชุมมอบนโยบายและชี้แจงแนวทางการควบคุม กำกับ การใช้กัญชาอย่างเหมาะสมและปลอดภัยต่อสุขภาพตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ว่า เรื่องการใช้กัญชากัญชงในประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพ วันนี้เข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ได้รับการตอบสนองในเชิงบวกอย่างมากจากประชาชน ข้อมูลล่าสุดมีการเข้าแอปพลิเคชันปลูกกัญแล้ว 32 ล้านครั้ง มีการขอจดแจ้งปลูกในครัวเรือนและจดทะเบียนผลิตสินค้ากับ อย. รวม 8.5 แสนราย อย.อนุมัติ 8.1 แสนราย ผู้คนให้ความสนใจอย่างมาก
ส่วนความเป็นห่วงเรื่องการเข้าถึงกัญชาของเยาวชน เด็กวัยเรียน การใช้ผิดวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะการเสพสูบ ย้ำว่านโยบายกัญชาเสรีของ สธ.มีเจตนาให้ก่อประโยชน์ทางสุขภาพ การแพทย์ รักษาพยาบาล และสินค้าสุขภาพ อุปโภคบริโภคเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันในเชิงอุตสาหกรรม ไม่มีแนวทางแม้แต่น้อยส่งเสริมให่ใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะการใช้สารสกัดจากกัญชาหรือมวนคล้ายบุหรี่แล้วสูบเสพ ซึ่งก่อให้เกิดโทษไม่ต่างจากของมึนเมาอื่นๆ ขอให้สร้างความเข้าใจว่าการสูบเสพกัญชาไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง จะก่อให้เกิดความรำคาญรบกวนผู้อื่น มีความผิดตามกฎหมาย โทษทั้งจำและปรับ เพื่อให้เกิดความสบายใจและมั่นใจว่าระหว่างกำลังรอสภากพิจารณากฎหมาย ซึ่งมีการตั้งกรรมาธิการประชุมแปรญัตติแล้ว กรมอนามัยก็ได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว มีผลบังคับใช้ เรื่องกำหนดกลิ่นและควันกัญชาเป็นเหตุรำคาญ
"นอกจากนี้ กรมการแพทย์แผนไทยฯ ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) ภายใต้อำนาจ พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาทางการแพทย์แผนไทย ซึ่งปลัด สธ.ในฐานะประธานคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาฯ ก็ได้เสนอร่างมาแล้ว เอกสารอยู่ในห้องทำงานแล้ว ถ้าวันนี้ผมพิจารณาแล้วไม่ขัดข้องก็จะลงนามต่อไป" นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวว่า ร่างประกาศดังกล่าวออกมาเพื่อให้คุ้มครองเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ดังนี้ 1.ให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม 2.ให้ผู้ที่อายุ 20 ปีขึ้นไปสามารถใช้ประโยชน์กัญชาได้ยกเว้นการใช้ประโยชน์ดังต่อไปนี้ 1) การใช้ประโยชน์ในที่สาธารณะ และ 2) การใช้ในหญิงมีครรภ์หรือหญิงให้นมบุตร 3.ให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนไทยประยุกต์ ผู้ประกอบโรคศิลปะการแพทย์แผนจีน และหมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย สามารถใช้ประโยชน์จากกัญชาในการบำบัดรักษาผู้ป่วยของตน และ 4.ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับนับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้น
"คิดว่าประกาศกระทรวงทั้ง 2 ฉบับ ซึ่งจริงๆ เป็นกฎหมายอยู่แล้ว ไม่ต้องประกาศก้มีผลบังคับใช้ได้ แต่ออกมาเพื่อสร้างความมั่นใจและลดข้อวิตกกังวลของคนที่เข้าใจว่ากัญชาเป็นพืชที่มีแต่โทษ จริงๆ เราพยายามแยกให้เห้นว่ามีโทษและประโยชน์อย่งไร ส่วนที่เป็นโทษทุกการกระทำสุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมายทั้งสิ้น ไม่ควรไปทางนั้น ควรใช้ทางที่เป็นประโยชน์เท่านั้น มีหลักฐานการวิจัยศึกษามากมายทั้งการแพทย์ เภสัชกรรมที่ระบุให้เห็นถึงประโยชน์กัญชงกัญชาในการมารักษาผู้ป่วย พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ป่วย นำมาปรุงอาหาร" นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวว่า วันนี้กัญชาเสรีแล้วไม่ใช่พืชผิดกฎหมาย ร้านค้าสามารถนำมาเป็นส่วนประกอบปรุงอาหาร โดยใช้อย่างเข้าใจ กรมอนามัยออกประกาศว่าร้านใดใช้กัญชงกัญชามาปรุงอาหารให้ติดป้ายให้ผู้บริโภคทราบ และผู้บริโภคมีสิทธิถามว่าผสมกัญชาหรือไม่ เพื่อตัดสินใจว่าจะรับบริการหรือไม่ การนำมาประกอบอาหารไม่ใช่สารสกัดจากกัญชา เอาใบมาตำส้มตำ ทำแกงต่างๆ ไม่มีปัญหาแน่นอน เพราะใบไม่มีสารก่อให้เกิดฤทธิ์จิตประสาท ช่อดอกถ้านำไปต้มในปริมาณพอเหมาะพอสมก็ทำให้รสชาติอาหารดีขึ้น เป้นเทคนิคในการเรียกลูกค้า ไม่ก่อให้เกิดโทษถ้าใส่ปริมาณถูกต้อง ถ้าใส่ 300 ช่อก็อย่าไปกิน เพราะเกินปริมาณ ถ้าบอกใส่นิดหน่อยพอมองเห็น เราใช้วิจารณญาณในการรับประทาน คิดว่าประชาชนมีความเข้าใจดีอยู่แล้ว
ถามว่าช่อดอกถ้านำไปปรุงอาหาร เช่น ต้ม ผัด ทำให้เกิดสารสกัด ซึ่งไม่สามารถตรวจได้ว่ามีมากน้อยแค่ไหน อาจทำให้เป็นอันตราย นายอนุทินกล่าวว่า เราไม่ได้ห้ามช่อดอก ห้ามสารสกัด จะนำไปใช้ก็ใช้อย่างพอเหมาะ ร้านใดที่ใช้เกินปริมาณก็จะมีโทษด้วย ร้านอาหารเองก็ต้องติดป้ายแจ้งให้ลูกค้าทราบ วิเคราะห์ปริมาณกัญชาที่จะใช้ในอาหาร เช่นช่อดอกก็ไม่ควรเกิน 1-2 ดอกในหม้อต้ม ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีปัญหาในการใช้ แต่ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการเสพสูบ นำสารสกัดกัญชาไปใช้มากเกินไป แต่การนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ต้องมีการขออนุญาตจากอย.อยู่แล้ว ซึ่งต้องเน้นย้ำว่า ร้านอาหารจะต้องห้ามใส่เกินปริมาณ
ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัยกล่าวว่า ตัวกฎหมายหลักจะระบุเรื่องปริมาณสาร THC เกินกำหนดไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว ซึ่งจะทราบได้อย่างไรว่าเกิน เราดำเนินการ 2 อย่าง คือ 1.กฎหมายกำหนดให้ผู้ประกอบ พนักงานต้องผ่านการอบรม ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสัดส่วนอาหารที่รับประทาน อย่างคำแนะนำหากกินหมดทั้งจาน ก็ไม่ควรกินเกินวันละ 2 เมนู และส่งเสริมให้กินหลากหลายครบหมู่อาหาร เพื่อไม่ให้ปริมาณสารเกิน 2.ควบคุมที่ร้านให้ติดป้ายและคำเตือนแจ้งประชาชน พร้อมแสดงเมนูที่ผสมกัญชา ทั้งนี้ ทางสมาคมผู้ประกอบการร้านอาหารก็ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนให้สัมภาษณ์ นายอนุทินได้ลงมือปรุงอาหารเมนูส้มตำ ที่มีส่วนผสมของใบกัญชาสด 2 ใบ พร้อมน้ำปลาร้าที่ไม่มีส่วนผสมกัญชา เพื่อเป็นตัวอย่างเมนูอาหารที่ร้านควรจะปรุงให้เหมาะสม ตามประกาศของกรมอนามัย ที่ระบุให้ใส่ส่วนผสมกัญชาอย่างเหมาะสม