นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งการกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสื่อสาร ทำความเข้าใจกับเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป ถึงการใช้กัญชาที่ถูกต้อง รวมไปถึงอันตรายและโทษของกัญชา หากถูกนำไปใช้ผิดวิธีหรือมากเกินความจำเป็น รวมทั้งการสนับสนุนให้สถานศึกษาทุกระดับเป็นพื้นที่ปลอดกัญชา
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังย้ำถึงการปลดล็อกกัญชาเพื่อ 3 วัตถุประสงค์หลัก คือ เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ เพื่อประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ และเพื่อประโยชน์ทางด้านสุขภาพ และขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวในช่วงสุญญากาศทางกฎหมาย ระหว่างรอร่างพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชง พ.ศ. ... ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการเร่งรัดในกรรมาธิการ โดยกระทรวงสาธารณสุขกำลังเร่งประชุมพิจารณาให้กัญชาเป็น "สมุนไพรควบคุม" ป้องกันการเข้าถึงของเยาวชน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังฝากขอความร่วมมือร้านค้า ร้านอาหาร-เครื่องดื่ม ที่นำส่วนของกัญชามาใช้ในการทำ ประกอบ หรือปรุงอาหาร ต้องแจ้งข้อมูล ปริมาณการใช้ เพื่อให้ผู้บริโภครับทราบเพื่อความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค หลีกเลี่ยงส่งกระทบต่อสุขภาพที่จะตามมา
นายธนกร กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายหลังที่กัญชาได้พ้นจากบัญชีจากเสพติดประเภทที่ 5 เป็นต้นมา ปรากฏในช่วงระยะเวลา 6 วันที่ผ่านมา มีการจดแจ้งในเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน "ปลูกกัญ" เพื่อการปลูกมากถึง 37 ล้านครั้ง และมีผู้ได้รับการจดแจ้งแล้วกว่า 7 แสนรายแล้ว อย่างไรก็ตาม การปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดมีเจตนารมณ์ที่สำคัญเพื่อการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพ โดยกระทรวงสาธารณสุข กรมอนามัย ได้ออกข้อแนะนำในการใช้กัญชาและกัญชง ให้ระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากบริโภคอย่างไม่เหมาะสม และห้ามจำหน่ายแก่บุคคล 3 กลุ่ม ได้แก่ เด็กและเยาวชน สตรีมีครรภ์ มารดาที่ให้นมบุตร เพื่อคุ้มครองไม่ให้กลุ่มเปราะบางเหล่านี้เกิดผลข้างเคียง เด็กและเยาวชนที่มีโอกาสเสพติดมากกว่าผู้ใหญ่ และยังส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของสมอง ระดับสติปัญญา ขณะที่ในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร สารสกัดจากกัญชาอาจส่งผลต่อเด็กในครรภ์หรือทารกได้