“อนุทิน” ย้ำไม่ต้องรอประกาศ “โควิด” โรคประจำถิ่น ตอนนี้คนไทยใช้ชีวิตปกติแล้ว เข้าออกประเทศไม่ต้องตรวจเชื้อ-กักตัว จ่อยกเลิก Thailand Pass ทั้งหมด ส่วนหน้ากากเชื่อคนคุ้นชินรูปแบบ ประเมินเสี่ยงได้ควรใส่หรือถอด ชี้ทุกอย่างเดินหน้าไม่มีถอยหลัง รับปัญหาหลักคนยังไม่มาฉีดวัคซีน เชื่อโควิดคลี่คลายต่างชาติแห่เที่ยว ลงทุน
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ประเทศไทยควบคุมโควิดได้อย่างดี องค์การอนามัยโลกชื่นชมให้เป็นแบบอย่าง วันนี้ปัญหาของเราไม่ใช่การขาดวัคซีน แต่คือคนไม่ยอมมารับวัคซีน ถือว่าเป็นอันตรายมากพอสมควร ถ้าตอนนี้ใครรับเข็ม 2 แล้ว 3 เดือน ก็ให้มารับเข็ม 3 ทันที และอีก 3 เดือนก็มารับเข็ม 4 หากรับเข็ม 4 แล้วยังเป็นคนเสี่ยงหรือมีความจำเป็นก็มารับเข็ม 5 ได้ ซึ่งผู้ที่รับเข็ม 3 เข็ม 4 เข็ม 5 แล้วแม้ติดเชื้อ แต่ก็ไม่มีผู้ใดป่วยอาการหนักและเสียชีวิต
ส่วนที่ถามว่าตอนนี้คนไทยจะดำเนินชีวิตกับโควิดได้อย่างปกติหรือไม่ ต้องตอบว่าได้ เพราะตอนนี้ไม่มีอะไรที่เป็นข้อห้าม สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ เปิดหมดแล้ว แต่การประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่น ไม่จำเป็นต้องประกาศวัน ว. เวลา น. เพราะอยู่ที่พฤติกรรมของเรา ซึ่งทุกวันนี้ก็เหมือนอยู่ในโรคประจำถิ่นแล้ว เพราะไม่ต้องตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางออกนอกประเทศ คนเข้ามาก็ไม่ต้องกักตัวไม่ต้องตรวจเชื้อ และกำลังพยายามยกเลิกระบบ Thailand Pass ทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ยกเลิกในคนไทยแล้ว อนาคตอันใกล้ก็จะยกเลิกทั้งหมดเพื่อให้คนเดินทางเข้าประเทศได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น
“เราดำเนินนโยบายเช่นนี้มาเข้าเดือนที่ 2 แล้ว ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี เพราะไเตรียมการป้องกันต่างๆ ให้ประชาชนในประเทศหมดแล้ว และคนที่มาจากต่างประเทศก็ผ่านระบบคัดกรองที่เข้มแข็งของกรมควบคุมโรค จึงค่อนข้างที่จะมั่นใจว่า จะประกาศหรือไม่ประกาศให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่นเราก็ใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติได้มากแล้ว” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนเรื่องหน้ากากอนามัยก็พิจารณาว่า หากอยู่ในบ้านกับคนรู้จัก รู้ว่าไม่ได้ไปมีความเสี่ยงที่ไหนมาก็ถอดหน้ากากคุยกันได้ แต่ถ้าไปสถานที่แออัด มีคนมากมายในห้างสรรพสินค้า ในร้านอาหาร ระหว่างรอคิวก็ใส่หน้ากากเอาไว้ หรือไปประชุมสัมมนา ห้องประชุมมีคนเยอะ ถ้าไม่รู้จัก ไม่รู้ว่าเขาไปไหนมาบ้างก็ใส่หน้ากาก คิดว่าประชาชนก็เริ่มมีความคุ้นชินกับรูปแบบนี้อยู่แล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ผ่านมา สธ.คิด 2 อย่างหลักๆ คือ ทำอย่างไรให้การควบคุมโรคระบาดมีประสิทธิภาพ และเกิดผลกระทบหรือความเสียหายด้านอื่นๆ น้อยที่สุด ซึ่งถ้าคิดแค่จะสกัดโรคระบาดก็แค่ปิดทุกอย่าง โรคเหลือ 0 แน่นอน แต่จะเกิดความเสียหายมหาศาล ดังนั้น สธ.ไม่ทำเช่นนี้ เราไม่เอาง่ายเข้าว่า เราต้องคิดถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตประชาชน โอกาสการสร้างรายได้ ดังนั้นรัฐบาลจึงบริหารจัดการสถานการณ์โดยเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่โควิด และจากนี้เราไม่มีการปิด หรือห้ามนั่นนี่อีก เราเดินไปข้างหน้า ไม่ย้อนไปข้างหลัง และใช้ความพร้อมที่มีอยู่ ทั้งยา เวชภัณฑ์ วัคซีน ดำเนินชีวิตพวกเราต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ขอสิ่งเดียวอย่าให้ขาดคือความร่วมมือของประชาชน เป็นปัจจัยสำคัญมากที่ทำให้ประคับประคองสถานการณ์ต่างๆ ให้สมบูรณ์ สร้างดุลยภาพทางสาธารณสุขเศรษฐกิจ สังคม และการใช้ชีวิตได้เต็มที่
“ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า สธ.และรัฐบาลยังพร้อมดูแลเรื่องโรคโควิดเต็มที่ เมื่อพ้นสถานการณ์ไปแล้ว มั่นใจว่า ไทยจะได้รับความเชื่อมั่นจากนานาอารยประเทศ คนจะมั่นใจมาเที่ยวไทยมากขึ้น รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพราะเมื่อป่วยก็ได้รับการดูแล แทบจะเรียกว่า first class แต่เราไปป่วยประเทศอื่นเป็นคนละเรื่อง นี่คือ Soft Power ที่ไทยมีอยู่ ความเข้มแข็งที่ไม่ต้องใช้การลงทุน หรือบังคับจิตใจอะไรมากมาย มันอยู่ในสายเลือดของเรา นอกจากนี้ยังจะเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้นด้วย เพราะเห็นแล้วว่าการจะไปลงทุนที่ไหนจะดูแค่สิทธิประโยชน์ในการลงทุน เรื่องภาษีอย่างเดียวไม่ได้ ไม่สำคัญเท่าประเทศนั้นมีระบบสาธารณสุขที่ดี” นายอนุทิน กล่าว