xs
xsm
sm
md
lg

ติดตาม 12 รายสัมผัสผู้ป่วย "ฝีดาษลิง" ต่อเครื่องไปออสเตรเลีย ไม่มีอาการ ส่วนสอบสวน 5 รายสงสัย ยันชัดเป็นเริม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สธ.เผยผลสอบสวนโรค 3 พี่น้องชาวไอร์แลนด์ ผู้ป่วยสงสัย "ฝีดาษลิง" มีผื่นตุ่มขึ้น หลังคลุกคลีในยิมมวยที่ภูเก็ต ใช้อุปกรณ์ร่วมกัน สอบสวนโรคเจอต่างชาติอีก 2 รายมีอาการด้วย ผลตรวจแล็บเป็นเชื้อเริมทั้งหมด ส่วนผู้ป่วยฝีดาษลิงมาทรานซิตที่ไทยก่อนไปออสเตรเลีย มีผู้สัมผัสใกล้ชิด 12 ราย แต่ไม่ใช่ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ติดตามอาการ 7 วัน ยังไม่มีอาการ ไปทำงานได้ตามปกติ ติดตามต่อเนื่องจนครบ 21 วัน

เมื่อวันที่ 30 พ.ค. นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคฝีดาษวานรหรือฝีดาษลิง (Monkeypox) ว่า สำหรับผู้ป่วย 1 รายที่บินมาจากประเทศทางยุโรป มา Transit ที่ประเทศไทย 2 ชั่วโมง เพื่อต่อไปยังประเทศออสเตรเลีย ขณะที่อยู่ประเทศไทยไม่มีอาการ ไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับใคร มีการาสวมหน้ากากอนามัยตลอด โดยไปพบอาการที่ออสเตรเลีย ดังนั้น ผู้สัมผัสใกล้ชิดจะไม่ใช่กลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง ซึ่งมีทั้งหมด 12 คน เป็นผู้โดยสารเครื่องบินและลูกเรือ จากการติดตาม 7 วันยังไม่มีอาการ โดยจะติดตามจนครบ 21 วัน ทั้งนี้ โรคนี้เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง สามารถไปทำงานได้ตามปกติ แต่หากมีอาการให้รีบแจ้ง แต่หากเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงต้องแยกกัก 21 วันที่บ้าน
 
“การติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้อยู่บนเครื่องบิน เนื่องจากผู้ป่วยที่เดินทางไปออสเตรเลียอีกหลายวันจึงพบเชื้อ ยังดีที่ผู้ป่วยนั่งในชั้น Business class นั่งห่างกันพอสมควร การติดเชื้อไม่ง่าย ต้องใกล้ชิดจริงๆ ถ้าอยู่ห่างๆ จะไม่ค่อย เพราะเชื้อไม่ได้ลอยไปเอง อย่างเหตุการณ์ในยุโรป จะมีการใกล้ชิด กอดจูบ ดังนั้น โรคนี้ไม่ได้ติดต่อง่าย ต้องสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วยในระยะที่ป่วยด้วย” นพ.จักรรัฐ กล่าว

นพ.จักรรัฐกล่าวว่า ส่วนกรณีการสอบสวนนักท่องเที่ยวจากไอร์แลนด์ 3 ราย ที่มีผื่นตุ่มหนองนั้น พบว่าเป็นพี่น้องกัน แต่เดินทางเข้ามาคนละวัน เพื่อเข้ามาเรียนมวยไทย โดยบินตรงภูเก็ต และฝึกมวยไทยที่นั่น ผลการสอบสวนโรคพบว่า รายแรก เป็นเพศชาย อายุ 30 ปี มีอาชีพแพทย์ เดินทางมาวันที่ 4 พ.ค. โดยเริ่มมีผื่นที่แขนซ้ายวันที่ 21 พ.ค. อีก 2 วันถัดมาเริ่มมีไข้ 38.9 องศาเซลเซียส รับยาคลินิกเอกชน จ.ภูเก็ต รายที่ 2 อายุ 27 ปี อาชีพนักแสดง เดินทางมาวันที่ 5 พ.ค. โดยวันที่ 21 พ.ค. เริ่มมีผื่นที่หลัง ด้านขวาและคอ รับประทานยา และอาการไม่ดีขึ้น และรายที่ 3 เพศชายอายุ 20 ปี เป็นนักศึกษา เดินทางมาวันที่ 13 พ.ค. และเริ่มมีผื่นที่รักแร้ซ้าย วันที่ 22 พ.ค. รับประทานยา อาการไม่ดีขึ้น

"ทั้งหมดไม่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยฝีดาษลิงที่ไอร์แลนด์ แต่เมื่ออยู่ไทยมีการคลุกคลีใกล้ชิดกันตลอดเวลา มีการแบ่งกันใช้อุปกรณ์ชกมวย กระสอบทรายร่วมกันในยิมเดียวกัน และมีประวัติเพศสัมพันธ์กับหญิงไทย วันที่ 25 พ.ค. ทั้งหมดบินจากภูเก็ตมารักษา รพ.เอกชนแห่งหนึ่งใน กทม. ประวัติเข้าได้กับโรคฝีดาษลิง จึงรายงานมากรมควบคุมโรค จึงส่งทีมสอบสวนโรคไปสอบสวนโรคและเก็บตัวอย่างส่งตรวจ ระหว่างนี้ให้มารักษาที่สถาบันบำราศนราดูร" นพ.จักรรัฐกล่าว

นพ.จักรรัฐกล่าวว่า จากการสอบสวนโรคหาผู้ป่วยเพิ่มเติมในสถานที่เสี่ยง พบชาวต่างชาติอีก 2 คน เป็นผู้ป่วยสงสัยมีลักษณะคล้ายกันในยิมเดียวกัน จึงเก็บตัวอย่างส่งตรวจ ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และศูนย์วิทยาศาสตร์โรคอุบัติใหม่ รพ.จุฬาฯ โดยผลตรวจทั้ง 5 รายพบว่า ไม่ใช่โรคฝีดาษลิง แต่เป็นเริมไทป์ 1 ที่ติดต่อได้ทางผิวหนัง ทั้ง 5 รายน่าจะเกิดจากโรคเริม จากการสัมผัสใกล้ชิด ใช้อุปกรณ์ร่วมกัน และสถานที่เดียวกันค่อนข้างนาน ทั้งหมดรักษาด้วยการกินยาไซโคเวียร์ แผลยุบแห้งเรียบร้อย ทั้งนี้ แม้จะเป็นเริม ก็ต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง โดยยิมออกกำลังกายการใช้อุปกรณ์ร่วมกันจำนวนมาก ต้องเช็ดทำความสะอาด ซึ่งป้องกันทั้งโควิดและโรคอื่น

นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า สำหรับคนที่ไปร่วมงานเฟสติวัลในต่างประเทศ หรือร่วมกิจกรรมที่มีความเสี่ยง หากมีอาการและมาพบแพทย์ขอให้แจ้งแพทย์ด้วยว่า มีประวัติร่วมกิจกรรม อย่างไรก็ตาม สำหรับประชาชนไทยที่เดินทางกลับมานั้น หากเราไม่ได้ร่วมกิจกรรมเสี่ยง และยังปฏิบัติตัวตามมาตรการส่วนบุคคล ทั้งสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ก็ไม่ต้องกังวล เพราะป้องกันโควิด และฝีดาษลิง และโรคอื่นๆได้ ซึ่งคนไทยที่จะเดินไปต่างประเทศก็เช่นกัน ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการส่วนบุคคล ไม่ร่วมกิจกรรมเสี่ยงก็จะป้องกันได้ ถ้ามีการระบาดในกิจกรรมที่เราร่วมงาน กลับมาช่วยติดตามอาการ ถ้าเข้าข่ายอาการสงสัยมาพบแพทย์แจ้งให้ทราบว่าไปร่วมงานมาจะได้ติดตามอย่างใกล้ชิด

“สำหรับคุณหมอที่อายุน้อยกว่า 60 ปี อาจไม่เคยเห็นลักษณะฝีดาษ จึงขอให้ตั้งคำถามสงสัยว่า เป็นฝีดาษลิงก่อน โดยพิจารณาจากประวัติเสี่ยง ซึ่งผู้ที่เข้ามาในบริการใน รพ.ทุกท่านหากมีประวัติร่วมกิจกรรมเสี่ยง ขอให้แจ้ง ไม่ต้องกังวลโรคนี้ ส่วนใหญ่หายเอง จะได้รับการรักษาและจะลดการแพร่ระบาดไปสู่คนอื่นได้” นพ.จักรรัฐ กล่าว

เมื่อถามว่าเชื้อฝีดาษลิงจะอยู่บนสิ่งของนานแค่ไหน นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า ต้องติดตามข้อมูลต่อ เมื่อถามถึงมีนักวิชาการะบุว่าเชื้อนี้แพร่เร็ว 10 เท่า นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า ต้องติดตามข้อมูลเช่นกัน เพราะยังไม่ได้รับการยืนยันจากองค์การอนามัยโลก


กำลังโหลดความคิดเห็น