สปสช.เตรียมออกหลักเกณฑ์กำหนดคุณภาพ-มาตรฐานราคา "ผ้าอ้อมและแผ่นรองซับ" สำหรับแจกผู้ป่วยภาวะพึ่งพิง ติดบ้าน ติดเตียง กลั้นอึฉี่ไม่ได้ ย้ำ อปท. หน่วยบริการ จะเป้นผู้ของบประมาณจัดซื้อมาแจก เผยมีรายชื่อผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงอยู่แล้ว แต่หากตกหล่นให้แจ้งข้อมูลหน่วยบริการในพื้นที่
เมื่อวันที่ 24 พ.ค. นพ.อภิชาติ รอดสม รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงสิทธิประโยชน์ผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับ ซึ่งอนุมัติไปเมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า สิทธิประโยชน์นี้เป็นการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค คนไทยทุกสิทธิทุกเพศทุกวัยจะได้รับสิทธิประโยชน์นี้โดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นผู้ใช้สิทธิบัตรทองเท่านั้น โดยคุณสมบัติผู้ที่จะได้รับผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับ คือ 1.มีภาวะติดบ้าน ติดเตียง และมีค่าคะแนนระดับความสามารถในการดำเนินกิจวัตรประจำวันตามดัชนีบาร์เธลเอดีแอล เท่ากับหรือน้อยกว่า 6 คะแนน ตามแผนการดูแลรายบุคคลระยะยาวด้านสาธารณสุข (Care Plan) ของหน่วยจัดบริการ และ 2.มีภาวะปัญหาการกลั้นปัสสาวะอุจจาระไม่ได้ ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์และผลประเมินของหน่วยจัดบริการ
นพ.อภิชาติ กล่าวว่า งบประมาณจัดซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับจะใช้เงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับพื้นที่ (กปท.) ซึ่ง สปสช.สมทบเงินร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) พื้นที่ต่างๆ เช่น อบต. อบจ. เทศบาล จัดตั้งกองทุนในพื้นที่ขึ้น ครอบคลุมกว่า 99% ของประเทศแล้ว แต่ละปี กปท.ได้รับงบประมาณกว่า 4,000 ล้านบาท และมีงบที่เหลือจากการดำเนินงานตามปกติ ซึ่งยังไม่มีแผนงาน/โครงการ/กิจกรรม รองรับ จึงสามารถนำงบประมาณคงเหลือมาใช้จัดซื้อได้โดยไม่ต้องของบเพิ่มจากรัฐบาล ซึ่งเคยมีการศึกษาว่าถ้ารัฐช่วยอุดหนุนผ้าอ้อมและแผ่นรองซับจะช่วยประหยัดรายจ่ายครัวเรือนไปได้ประมาณ 20,000 บาท
"ยิ่งยุคนี้น้ำมันแพง ข้าวของแพง ก็จะช่วยลดภาระประชาชนได้พอสมควร ปีนี้เนื่องจากผ่านไปครึ่งปีงบประมาณแล้ว น่าจะใช้เงินจัดซื้อผ้าอ้อมและแผ่นรองซับประมาณ 200 ล้านบาท และปีต่อไปเต็มปีงบประมาณก็น่าจะใช้ประมาณ 400-500 ล้านบาท คิดเป็นเพียง 10% ของงบ กปท.ทั้งหมด" นพ.อภิชาติ กล่าว
นพ.อภิชาติกล่าวว่า หลัง สปสช.ประกาศสิทธิประโยชน์ ประชาชนสนใจอย่างมากและสอบถามวิธีขอรับสิทธิ์ ซึ่งผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้มีปัญหาการขับถ่ายไม่สามารถขอรับด้วยตัวเองได้ ผู้ที่จะขอจัดสรรงบจาก กปท.ได้ต้องเป็น อปท. หน่วยจัดบริการ เช่น หน่วยบริการ สถานบริการ ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ จึงจะสามารถเขียนโครงการของบประมาณได้ แต่โดยปกติเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือ อปท.จะมีการสำรวจจำนวนผู้ป่วยติดเตียง ผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง มีการจัดบริการดูแลแบบระยะยาว Long term care ผู้ป่วยแต่ละรายมีแผนการดูแลสุขภาพรายบุคคล (care plan) อยู่แล้ว ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่อยู่แล้วจึงแทบไม่ต้องทำอะไร บุคลากรที่ดูแลเรื่อง Long term care ในแต่ละพื้นที่จะของบประมาณและจัดซื้อให้แก่ผู้ป่วยเอง
"พื้นที่ต่างจังหวัดไม่ค่อยมีปัญหา ส่วนมากจะรู้กันว่าบ้านไหนที่มีผู้ป่วยติดเตียง มีภาวะพึ่งพิง แต่พื้นที่ กทม.มีประชากรจำนวนมาก มีการโยกย้ายถิ่น มีความซับซ้อนทางสังคมสูง ข้อมูลต่างๆ อาจจะตกหล่นบ้าง ดังนั้น แนะนำให้ผู้ป่วยหรือญาติไปแจ้งข้อมูลผู้ป่วยแก่ศูนย์บริการสาธารณสุขในแต่ละพื้นที่ก่อน" นพ.อภิชาติ กล่าวและว่า ส่วนผู้ป่วยบางส่วนที่อาจไม่ได้อยู่ในการสำรวจของทีมสาธารณสุข เช่น ผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อหูรูดไม่สามารถกลั้นปัสสาวะ-อุจจาระได้ หรือผู้ป่วยติดเตียงที่ตกสำรวจ สามารถแจ้งหน่วยบริการในพื้นที่ เช่น รพ.สต. รพ. ศูนย์บริการสาธารณสุข ให้เพิ่มรายชื่อเข้าไปในฐานข้อมูลและขอรับการจัดบริการได้
นพ.อภิชาติ กล่าวว่า สิทธิประโยชน์นี้เป็นการจัดการพื้นที่ใครพื้นที่มัน ไม่สามารถขอรับสิทธิข้ามพื้นที่ได้ เช่น ตำบล A ไม่ได้ทำโครงการขอจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับ ประชาชนในพื้นที่เลยไปขอใช้สิทธิจากตำบล B แบบนี้ไม่ได้ ซึ่งกรณีที่ กปท.ในพื้นที่ตำบลนั้นไม่ได้ทำโครงการ ข้อแนะนำคือให้ผู้ป่วยรวมกลุ่มกันและเข้าไปพูดคุยกับ อปท.นั้น เพื่อชักจูงให้เขียนโครงการของบประมาณ หรือแจ้งข้อมูลมาที่ สปสช.เขตพื้นที่หรือ สปสช.ส่วนกลาง เพื่อประสานงานโน้มน้าวให้พื้นที่นั้นนำงบประมาณ กปท. มาใช้ ทั้งนี้ ส่วนตัวคิดว่าสิทธิประโยชน์นี้เป็นประโยชน์กับสังคม ดังนั้นไม่น่าจะมีท้องถิ่นไหนที่ไม่ทำโครงการ เว้นแต่จะมีปัญหาเช่นเป็นตำบลขนาดเล็กไม่มีงบประมาณ เป็นต้น
"ตอนนี้ สปสช.กำลังอยู่ระหว่างหารือกับกรมอนามัยเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ มาตรฐานคุณภาพและราคาที่เหมาะสมของผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับ รวมทั้งเจรจาต่อรองราคากับผู้ผลิตในภาพใหญ่ของทั้งประเทศเพื่อให้ได้ราคาต้นทุนที่ต่ำลงมาอีก หลังจากนี้อีกไม่นาน เราจะทำหนังสือแจ้งไปยังท้องถิ่นต่างๆ เพื่อให้ทางท้องถิ่นยึดหลักเกณฑ์นี้เป็นหลักในการจัดสรรงบประมาณและการจัดซื้อ นอกจากนี้ เรายังเปิดช่องให้สามารถใช้ผ้าอ้อมทางเลือก เช่น เป็นผ้าอ้อมที่วิสาหกิจชุมชนผลิตขึ้นมาก็ได้ แต่ต้องมีมาตรฐานคุณภาพตามที่กรมอนามัยกำหนด และที่สำคัญคือการแจกผ้าอ้อมและแผ่นรองซับเป็นเพียงการสนับสนุนส่วนหนึ่ง หัวใจสำคัญคือเราต้องการให้มีการจัดบริการดูแลแบบองค์รวมแก่ผู้ป่วยติดเตียง ผู้มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ โดยที่ผ้าอ้อมและแผ่นรองซับเป็นเพียงส่วนเสริมให้ดูแลได้มีคุณภาพมากขึ้น" นพ.อภิชาติ กล่าว