"หมอยง" เผยฝีดาษลิงพบเฉพาะลิงแอฟริกา ไม่พบในลิงไทย ขออย่าวิตกกังวล ชี้ติดต่อยากกว่าฝีดาษคน ต้องสัมผัสบาดแผล ฝีหนองผู้ป่วย เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน มีสัตว์ฟันแทะ หนูเป็นพาหะ คนติดเชื้อส่วนใหญ่มาจากการเลี้ยงสัตว์แปลก เดินทางไปแอฟริกา เผยหายเองได้ 2-4 วัน มีอาการรุนแรงเสียชีวิต 10% ใช้วัคซีนฝีดาษคนป้องกันได้ 85% ย้ำต้องเร่งขจัดหวั่นติดในคนมากทำเชื้อกลายพันธุ์
เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงเรื่องฝีดาษลิงที่พบการติดเชื้อมากขึ้นในหลายประเทศ ว่า โรคฝีดาษลิงไม่ใช่โรคอุบัติใหม่ มีมานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยพบผู้ป่วยรายแรกที่แอฟริกา มีความแตกต่างจากเชื้อผีดาษในคน ซึ่งติดต่อทางระบบทางเดินหายใจและสารคัดหลั่งจากการไอ จาม แต่ฝีดาษในลิงจะติดต่อจากการสัมผัสบาดแผล ฝีหนอง และเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน โดยโรคฝีดาษลิงนี้พบในลิงแอฟริกา มีพาหะคือหนู สัตว์ฟันแทะตระกูลหนู กระรอก ซึ่งการพบผู้ป่วยในต่างประเทศมาจากการเลี้ยงสัตว์แปลกหรือมีการเดินทางไปที่แอฟริกามาก่อน
ศ.นพ.ยง กล่าวว่า การติดต่อของฝีดาษลิงถือว่าติดต่อได้ยาก เมื่อเทียบกับฝีดาษในคน เพราะต้องสัมผัสกับบาดแผล ฝีหนอง ของคนป่วย ทำให้เกิดอาการไข้ ไอ เจ็บคอ และมีตุ่มแดงขึ้น จากนั้นพัฒนากลายเป็นตุ่มน้ำใสและแตกออก ส่วนใหญ่มีอาการประมาณ 2-4 วันก็สามารถหายได้ ระยะเวลาการฟักเชื้อประมาณ 5-14 วัน แต่บางคนอาจมีอาการรุนแรงเสียชีวิตได้ เนื่องจากมีภูมิคุ้มกันต่ำ พบประมาณ 10% ดังนั้น โรคนี้ป้องกันได้ด้วยการรักษาสุขอนามัย หมั่นล้างมือ และหากมีอาการไอ จาม ควรสวมหน้ากากอนามัย
"โรคฝีดาษลิงสามารถใช้วัคซีนฝีดาษในคนป้องกันได้ แม้จะให้ผล 85% แต่ที่คนส่วนใหญ่ต้องเร่งขจัดโรคฝีดาษลิงไม่ให้แพร่ เนื่องจากการพบฝีดาษลิงในคน เท่ากับทำให้ไวรัสมีการพัฒนาข้ามสายพันธุ์ หากมากขึ้นก็อาจกลายพันธุ์ได้ ทำให้นานาประเทศต้องเร่งขจัด" ศ.นพ.ยงกล่าว
ศ.นพ.ยงกล่าวว่า สำหรับประเทศไทยยังไม่ต้องตื่นกังวลกับโรคนี้ เนื่องจากยังไม่ได้เกิดในไทย และเชื้อนี้ไม่มีในลิงของไทย มีเชื้อเฉพาะในลิงแอฟริกา ซึ่งการป้องกันตัวสำหรับโรคนี้ไม่ได้แตกต่างกันจากโควิดที่เราผ่านมาได้ คือ สุขอนามัยเป็นเรื่องสำคัญ และอย่าได้เลี้ยงสัตว์แปลกจากต่างประเทศ สำหรับฝีดาษในคน ประเทศไทยได้ขจัดโรคนี้จากการปลูกฝีและหมดไปในปี พ.ศ. 2517 ฉะนั้นเด็กที่เกิดหลังปี 2517 จะไม่พบโรคนี้อีก