ปรับปรุงบัญชียาหลักแห่งชาติเพิ่มใหม่ 19 รายการ ถอนออก 7 รายการ แก้ไขรายละเอียด 63 รายการ ปี 65 มียาในบัญชีรวม 916 รายการ เผยปรับปรุงยารักษาตับอักเสบซีให้เข้าถึงง่ายขึ้น พร้อมปรับปรุงราคากลางยา 155 รายการ ให้เข้ากับสถานการณ์เพื่อให้จัดซื้อได้
เมื่อวันที่ 11 พ.ค. นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมเห็นชอบ 3 เรื่อง ได้แก่ 1.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ แทนชุดเดิมที่หมดวาระรวม 7 คณะ อาทิ อนุกรรมการพัฒนานโยบายและยุทธศาสตร์ อนุกรรมการการใช้ยาสมเหตุผล อนุกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติ อนุกรรมการด้านบัญชียาหลักด้านสมุนไพร อนุกรรมการด้านวัคซีน และอนุกรรมการด้านอุตสาหกรรมยา เคมีชีววัตถุ เป็นต้น 2.ประกาศคณะกรรมการฯ เรื่อง บัญชียาหลักแห่งชาติ และ 3.ประกาศคณะกรรมการฯ เรื่อง กำหนดราคากลางยา
นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า รายการบัญชียาหลักแห่งชาติจากเดิมปี 2564 มี 904 รายการ ได้ปรับเพิ่มขึ้น 19 รายการ และถอนออก 7 รายการ มียาใหม่และปรับปรุงแก้ไขรายละเอียด 63 รายการ จึงมีรายการบัญชียาหลักแห่งชาติในปี 2565 รวม 916 รายการ ที่เด่นๆ คือ ยาไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง ซึ่งไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังทำให้เป็นมะเร็งตับได้ ก็ปรับปรุงให้คนเข้าถึงยาได้ง่ายขึ้น จากเดิมที่เป็นยาราคาแพง คนเข้าถึงได้ยาก จึงต้องมีการคัดกรองหลายขั้นตอนใช้โดยแพทย์เฉพาะทาง ก็ปรับปรุงให้แพทย์อายุรกรรมทั่วไปสามารถวินิจฉัยและให้ยาได้ ยาจึงเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ซึ่งเดิมสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)ให้สิทธิประโยชน์ยานี้และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) สามารถผลิตได้เอง ก็จะทำให้ราคายาไม่แพง เพราะผลิตได้ในประเทศไทย คนเข้าถึงยาได้และรักษาหายขาด ส่วนยาไวรัสตับอักเสบบีก็เปลี่ยนจากยาตัวเดิมที่ดื้อเป็นยาตัวใหม่ที่ไม่มีการดื้อต่อไวรัส ทำให้คนเข้าถึงยารักษาได้ ลดการเป็นมะเร็งตับ
ส่วนรายการราคากลาง มีการปรับปรุง 155 รายการ เพิ่มขึ้นใหม่ 145 รายการ และแก้ไขชั่วคราวในช่วงโควิด 19 ซึ่งยาบางตัวขึ้นราคา ทำให้ราคากลางเดิมที่กำหนดไว้ไม่สามารถจัดซื้อได้ ก็จะมีการปรับราคากลางให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่อให้สามารถจัดซื้อได้ เช่น ยากระตุ้นเม็ดเลือดขาว รักษาคนที่มีปัญหาเม็ดเลือดขาวต่ำตอนให้ยาเคมีบำบัด และมีการปรับปรุงราคากลางยาที่มีการแข่งขันสูง เพื่อให้คนเข้าถึงยาได้มากขึ้น เนื่องจากยาบางตัวปรับราคาขึ้นเกินราคากลางที่กำหนดไว้เดิม