บอร์ด Medical Hub เห็นชอบ “อันดามันเวลเนส” 4 จังหวัด จ่อชง ครม.ดำเนินการในปีนี้ ตั้งเป้าเป็นศูนย์เวลเนสนานาชาติ ระดมเอกชนลงทุนตั้งศูนย์มะเร็งระดับโลกภาคเอกชนพื้นที่อมตะซิตี้ ผุดหลักสูตรผลิตแพทย์รองรับเมลดิคัล ฮับ พร้อมดัน “กัญชากัญชง” รูปแบบ Metaverse อันแรกของประเทศ ผ่านแพลตฟอร์มต้นแบบ มทส. สร้างอวตารจับจองพื้นที่ปลูก ซื้อสินค้า หาองค์ความรู้ รองรับศูนย์กลางกัญชาโลกครบวงจร
เมื่อวันที่ 11 เม.ย. นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทย ให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ครั้งที่ 1/2565 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบใน 4 ประเด็นหลัก คือ 1. แนวทางการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจสุขภาพอันดามัน (Andaman Wellness Corridor : AWC) ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา และระนอง ให้เป็นศูนย์เวลเนส เช่น สปา ลองสเตย์ การรักษาระดับนานาชาติ และเห็นชอบเรื่องของนวัตกรรมสีเขียว (Green Medicine) และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยจะไปทดลองทำใน รพ.เอกชน ซึ่งจะเน้นเรื่องของ Soft Power คือ การสร้างวิถีวัฒนธรรมผ่านคน ประสบการณ์ และเรื่องราว มาดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว
2. ระบบบริการ คือ การพัฒนาและจัดตั้งโรงพยาบาลเฉพาะทางขั้นสูงเพื่อการรักษาโรคมะเร็ง นำร่องในอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี ให้เป็นศูนย์มะเร็งระดับโลกในภาคเอกชน โดยทาง รพ.ศิริราชจะเข้ามาร่วมดำเนินการจัดทำรายละเอียด และจัดตั้ง รพ.ศูนย์มะเร็งอุดรธานี ที่เป็นความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ 3. เรื่องผลิตภัณฑ์ เน้นเรื่องการทำกัญชา กัญชงในรูปแบบของโลกเสมือนจริง (Metaverse) และ 4. เรื่องของการศึกษาด้านวิชาการ ให้มีการเรียนการสอนทางการแพทย์นานาชาติ โดยจะร่วมเอกชนผลิตเพื่อให้เป็น Medical Hub ทั้งหลักสูตรแพทยศาสตร์นานาชาติ และหลักสูตรการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า เรื่องที่จะเข้า ครม. คือ 1. อันดามันเวลเนส 4 จังหวัดจะรวมกันเอาจุดเด่น ผลิตภัณฑ์ และทำกฎหมายคล้ายๆ ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) วันนี้มีความเห็นเพิ่มเติมว่าอยากให้ SME ได้ประโยชน์ เรามีทั้งน้ำพุร้อนเค้ม สปาระดับโลก 2.ขอแก้ไขมติ ครม.ในการตรวจลงตราเพื่อการรักษาพยาบาล ระยะเวลา 1 ปี (Medical Treatment Visa) รหัส Non-MT ให้คงอัตราค่าธรรมเนียมจาก 6,000 บาท เป็น 5,000 บาท เพื่อไม่ต้องแก้กฎกระทรวงและส่งเสริมการท่องเที่ยวเรื่องสุขภาพ และ 3. Metaverse จะเป็นเรื่องสำคัญในอนาคต สามารถมาทำแพลตฟอร์มเรื่องธุรกิจโปรดักต์แชมเปียน เรื่องของสมุนไพร กัญชา กัญชง ที่เป็นนโยบายของรัฐบาล โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ทำต้นแบบขึ้น ซึ่งจะมีแพลตฟอร์มกลางให้ต้นน้ำ กลางน้ำ เข้ามาปลั๊กอิน เกิดประโยชน์เรื่องของการปลูก ค้าขาย และมีรายได้เกิดขึ้น มีเรื่องการเรียนการสอน
เมื่อถามถึงงบประมาณในการดำเนินการแต่ละเรื่อง นพ.ธเรศ กล่าวว่า อย่างการจัดงาน Expo 2025 Osaka Kansai เราขอจำนวน 999,460,861 บาท แต่บางเรื่องเอกชนลงทุนเอง เช่น ศูนย์การรักษามะเร็งระดับโลกที่อมตะซิตี้ เอกชนจะระดมทุนเอง แล้วแต่เรื่องของแต่ละโครงการ
ถามต่อว่า ตั้งเป้าเรื่องอันดามันเวลเนสไว้หรือไม่ว่าจะเริ่มได้เมื่อไร นพ.ธเรศ กล่าวว่า ตอนนี้เราจะนำเข้า ครม. แล้วจะไปทำแผนยุทธศาสตร์ โดยมีการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน ซึ่งทั้ง 4 จังหวัดมีความตื่นตัวมากทั้งรัฐและเอกชนในพื้นที่ ก็มาช่วยกันทำทั้ง EcoSystem ทำโปรดักต์แชมเปียนของตัวเอง และช่วยกันทำกฎหมายพิเศษเพื่อจะให้การดำเนินการในพื้นที่นี้ได้รับการผลักดันเป็นพิเศษ คิดว่าน่าจะเสนอให้ได้ภายในปีนี้ ซึ่งหลังจากมีต้นแบบแล้วก็จะขยายไปสู่ระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสภาคอีสานตอนล่าง จ.นครราชสีมา ด้วย
ถามต่อว่า Metaverse จะเพิ่มการเข้าถึงธุรกิจกัญชากัญชาอย่างไร นพ.ธเรศ กล่าวว่า Metaverse จะมีแพลตฟอร์มกลาง ถ้าผู้ปลูกก็เข้าสู่ระบบผู้ปลูก เป็น E-Market Place ที่เราเข้าไปเสนอว่าเรามีสินค้าอะไร มีชุดองค์ความรู้การปลูกด้วย แต่มีข้อสังเกตเรื่องของรายได้ที่เกิดขึ้นอยู่ ยังอยู่ระหว่างการทำ แต่น่าจะเป้นแพลตฟอร์ม Metaverse อันแรกของกัญชากัญชงในประเทศไทย เนื่องจากเราจะเป็นศูนย์กลางกัญชาโลก ก็จะส่งเสริมให้ครบวงจรมากขึ้น
“มันไม่ใช่ว่าคนเข้ามาต้องซื้ออย่างเดียว มีชุดองค์ความรู้ที่ให้ฟรีเข้ามาได้ มีการสร้างตัวตน (Avatar) ของตัวเองเข้ามา เพื่อพบกันระหว่างผู้ปลูก ผู้ขาย ผู้ต้องการองค์ความรู้ ก็จะรู้ว่ามีใครบ้างปลั๊กอินเข้ามา ครบทั้งต้นน้ำปลูก กลางน้ำสกัด และปลายน้ำที่เป็นผลิตภัณฑ์ ทำเป็นตลาดอิเล็กทรอนิกส์ได้ นอกจากสินค้าแล้วยังมีเรื่องของการซื้อพื้นที่เพื่อจะปลูกแบบ Avatar อีกด้วย ส่วนการส่งสินค้าก็แล้วแต่ตกลงกันว่าจะเป็นแบบของจริงหรือแบบ Avatar” นพ.ธเรศ กล่าว