“อีสาน” ดับจาก “โควิด” สูงสุด ฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยงต่ำสุด หวั่นสงกรานต์ติดเชื้อดับพุ่ง วอนสูงอายุรับวัคซีน

ศบค.เผยภาคอีสานตายจาก“โควิด” สูงสุดช่วงนี้ แถมยังฉีดวัคซีนโควิดกลุ่ม 607 ได้น้อยที่สุดกว่าภาคอื่น หวั่นคนแห่กลับบ้านช่วงสงกรานต์ อาจทำติดเชื้อพุ่ง อาจเจ็บป่วยเสียชีวิต วอนสูงอายุเร่งมารับวัคซีนก่อนลูกหลานกลับบ้าน ย้ำยังอยู่ในระยะต่อสู้กับโรค หากหลังสงกรานต์ติดเชื้อเพิ่มสูง จะเข้าสู่ระยะลดลงช้า

เมื่อวันที่ 8 เม.ย. นพ.ทวีศิลป์ วิษรุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่า วันนี้ที่ประชุมมีการหารือประเด็นสำคัญใน 5 ประเด็น คือ 1. สถานการณ์โควิด-19 ขณะนี้ทั่วโลกติดเชื้อสูงและลดลงบางแห่ง การเสียชีวิตก็ลดน้อยลง หลายประเทศจึงเปิดด่าน เปิดการท่องเที่ยว เพราะเห็นว่า สถานการณ์จากโอมิครอนการเสียชีวิตไม่มากอย่างที่คิด ส่วนประเทศไทยติดเชื้อ 25,140 ราย หากรวม ATK ก็ประมาณ 4-5 หมื่นราย เสียชีวิต 89 ราย อัตราการเสียชีวิต 0.26% อาการหนัก 1,899 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 815 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มสูงอายุและมีโรคประจำตัว สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ป่วยปอดอักเสบสูงสุด ส่วนใหญ่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่อัตราครองเตียงระดับ 2-3 ยังไม่มาก เฉลี่ยประมาณ 28.4% หรือ 1 ใน 4 ของเตียงระดับสูง

สำหรับผู้เสียชีวิต 93% ยังเป้นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีโรคเรื้อรัง กระจายหลายจังหวัด โดยเฉพาะภาคอีสานกำลังขึ้น เสียชีวิตรวม 26 ราย ซึ่งสูงสุดในประเทศ โดยช่วงสงกรานต์จะมีคนกลับบ้านไปยังภาคอีสานและเป็นภาคที่มีการฉีดวัคซีนในกลุ่ม 607 ต่ำกว่าภาคอื่น สถานการณ์นี้ต้องขอความร่วมมือผู้สูงอายุในภาคอีสานฉีดวัคซีนก่อนลูกหลานกลับมา

ส่วนจังหวัดติดเชื้อสูงสุด 10 จังหวัด ได้แก่ 1. กทม. 3,078 ราย 2. ชลบุรี 1,225 ราย 3. ขอนแก่น 1,174 ราย 4. สมุทรปราการ 856 ราย 5. นครศรีธรรมราช 848 ราย 6. นนทบุรี 806 ราย 7. สมุทรสาคร 703 ราย 8. นครปฐม 668 ราย 9. ราชบุรี 631 ราย และ 10. อุดรธานี 537 ราย

“เรายังอยู่ในระยะต่อสู้กับโรคนี้ โดยผู้ป่วยปอดอักเสบ ขณะนี้ยังอยู่ในเส้นคาดการณ์ระหว่างสีเขียวและสีเหลือง ซึ่งหากไปสีเหลืองหรือสีแดงจะกินทรัพยากรเตียง แต่กลุ่มใส่ท่อช่วยหายใจสถานการณ์มากกว่าเส้นคาดการณ์สีเหลือง ส่วนใหญ่เป้นกลุ่มโรคเรื้อรัง ผู้สุงอายุ ส่วนผู้เสีชีวิตยังอยู่ในเส้นคาดการณ์สีเหลือง สรุปเรายังอยู่ในช่วงของการต่อสู้กับโรคนี้ตามระยะที่วางไว้ ที่ประชุมรับทราบและนายกฯ ระบุว่า ต้องทำให้ดีที่สุดในช่วงเวลานี้ จะได้ทำให้ตัวเลขผู้สูญเสียแม้รายเดียวก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชน จึงผ่านไปยังระยะที่ 2 คือหลังสงกรานต์ ถ้าไม่สูงขึ้นมากก็จะลดลงเร็ว หากสูงขึ้นมากก็จะลดลงช้า จึงฝากให้ช่วยกันทำตรงนี้" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นายกฯ ฝากให้เพิ่มคู่สาย 1330 เพื่อให้เข้าถึงบริการโดยเร็ว และขอบคุณทีมงานต่างๆ ที่ออกไปดูแลผู้สูงอายุ และห่วงเด็กที่จะต้องเปิดเทอม และมีการป่วยเยอะก็ขอให้รับวัคซีนด้วย ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนมาช่วยกันในเรื่องนี้ สำหรับพื้นที่สถานการณ์ยังคงเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง