ยอดโควิดไทยยังทรงตัว วันนี้ติดเชื้อ 2.6 หมื่นราย พบ 21 จังหวัดติดเชื้อเกิน 400 ราย ภาคอีสานติดเชื้อพุ่งหลักร้อยรายเกือบยกภาค เสียชีวิตยังสูงเกิน 90 ราย เฒ่า 102 ปี ดับอีกราย ลักลอบจากกัมพูชาติดเชื้อ 18 ราย อัตราติดเชื้อมาจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ยอดฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเกือบ 3 แสนโดส
เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยยังพบผู้ติดเชื้อใหม่เกินหมื่นรายเป็นวันที่ 62 ในการระบาดระลอกโอมิครอน โดยวันนี้พบติดเชื้อรายใหม่ 26,081 ราย สะสม 3,807,908 ราย หายป่วย 26,011 ราย สะสม 3,534,063 ราย เสียชีวิต 91 ราย สะสม 25,788 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 248,057 ราย อยู่ใน รพ. 62,901 ราย อยู่ รพ.สนาม HI CI 185,156 ราย มีอาการหนัก 1,846 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 774 ราย อัตราครองเตียงสีเหลืองสีแดงอยู่ที่ 28%
ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิต 91 ราย มาจาก 40 จังหวัด ได้แก่ กทม. 10 ราย, กำแพงเพชร เพชรบุรี จังหวัดละ 5 ราย, ร้อยเอ็ด เลย ฉะเชิงเทรา จังหวัดละ 4 ราย, มหาสารคาม เชียงใหม่ กาญจนบุรี ชลบุรี จังหวัดละ 3 ราย, สมุทรสาคร นครปฐม ปทุมธานี มุกดาหาร เชียงราย สุโขทัย พิษณุโลก ระนอง ชุมพร ภูเก็ต ระยอง ตราด นครนายก สระแก้ว ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี จังหวัดละ 2 ราย และ นครราชสีมา หนองบัวลำภู อุบลราชธานี อำนาจเจริญ พิจิตร ตรัง สงขลา ปัตตานี อุทัยธานี อ่างทอง จันทบุรี ราชบุรี และประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 56 ราย หญิง 35 ราย อายุ 23-102 ปี เฉลี่ย 75 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุและโรคประจำตัวรวม 99%
ส่วน 10 จังหวัดที่มีรายงานติดเชื้อรายใหม่สูงสุด คือ 1. กทม. 2,926 ราย 2. ชลบุรี 1,542 ราย 3. นครศรีธรรมราช 1,059 ราย 4. ขอนแก่น 936 ราย 5. สมุทรปราการ 879 ราย 6. สมุทรสาคร 753 ราย 7. ราชบุรี 650 ราย 8. นนทบุรี 611 ราย 9. ร้อยเอ็ด 599 ราย และ 10. สงขลา 582 ราย สำหรับจังหวัดติดเชื้อถึง 400 รายขึ้นไปยังมีอีก 11 จังหวัด คือ ระยอง 555 ราย, ฉะเชิงเทรา 554 ราย, ศรีสะเกษ 530 ราย, สุพรรณบุรี 515 ราย, นครปฐม 514 ราย, บุรีรัมย์ 513 ราย, อุดรธานี 493 ราย, เชียงใหม่ 450 ราย, ปทุมธานี 450 ราย, นครสวรรค์ 440 ราย และอุบลราชธานี 434 ราย โดยภาพรวมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด มีการติดเชื้อเกินร้อยรายเกือบยกภาคถึง 18 จังหวัด
ขณะที่จังหวัดที่ติดเชื้อไม่ถึง 100 ราย มี 18 จังหวัด ได้แก่ ตราด 97 ราย, มุกดาหาร 97 ราย, เพชรบูรณ์ 96 ราย, แพร่ 96 ราย, อำนาจเจริญ 83 ราย, ชุมพร 78 ราย, พังงา 78 ราย, อุตรดิตถ์ 77 ราย, ยะลา 74 ราย, ตรัง 69 ราย, สมุทรสงคราม 68 ราย, พะเยา 55 ราย, ปัตตานี 51 ราย, พิจิตร 45 ราย, แม่ฮ่องสอน 44 ราย, ชัยนาท 41 ราย, นราธิวาส 41 ราย และ เชียงราย 30 ราย ส่วนไม่มีรายงานติดเชื้อ หรือเป็น 0 คือ ลำพูน
สำหรับการติดเชื้อมาจากเรือนจำพบ 79 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 81 ราย ใน 15 ประเทศ โดยมาจากกัมพูชามากที่สุด 18 ราย เป็นการลักลอบเข้าประเทศทั้งหมด ซาอุดีอาระเบีย 16 ราย ออสเตรเลีย 12 ราย เยอรมนี 11 ราย อังกฤษ 7 ราย ที่เหลือติดเชื้อประเทศละ 1-3 ราย โดยเข้าระบบ Test&Go 54 ราย แซนด์บ็อกซ์ 7 ราย กักตัว 2 ราย และลักลอบเข้าประเทศ 18 ราย จากเมียนมา สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1-6 เม.ย. 2565 มีผู้เดินทาง 81,852 คน รายงานติดเชื้อ 311 คน คิดเป็น 0.38% แบ่งเป็นระบบ Test&Go 76,258 คน ติดเชื้อ 269 คน คิดเป็น 0.35% แซนด์บ็อกซ์ 4,688 คน ติดเชื้อ 35 คน คิดเป็น 0.75% และกักตัว 906 คน ติดเชื้อ 7 คน คิดเป็น 0.77%
ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด-19 วันที่ 6 เม.ย. ฉีดได้ 291,056 โดส สะสมแล้ว 130,638,890 โดส เป็นเข็มแรก 55,786,160 ราย คิดเป็น 80.2% ของประชากร เข็มสอง 50,453,919 ราย คิดเป็น 72.5% ของประชากร และเข็มสาม 24,398,811 ราย คิดเป็น 35.1% ของประชากร
