xs
xsm
sm
md
lg

ไทยติดโควิด 2 หมื่นราย 2-3 สัปดาห์ ดับนิวไฮต่อเนื่อง เร่งฉีดวัคซีนลดตาย เชื่อไม่กระทบปรับโรคประจำถิ่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมควบคุมโรค เผย ไทยติดโควิด 2 หมื่นรายต่อเนื่อง 2-3 สัปดาห์ แต่ไม่พุ่งสูงมาก เหตุมีมาตรการ ประชาชนร่วมมือ ส่วนเสียชีวิตนิวไฮหลายวัน เพิ่มตามผู้ติดเชื้อ ย้ำต้องช่วยกันลด เน้นฉีดเข็มกระตุ้น ไม่น่ากระทบแผนโรคประจำถิ่น เผยชะลอระบาด ทำให้จบช้า แต่ไม่เป็นภาระระบบสาธารณสุข

เมื่อวันที่ 19 มี.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังสูงต่อเนื่อง และผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นเป็นสูงสุด (นิวไฮ) ต่อเนื่องหลายวัน ว่า ผู้ติดเชื้อทรงตัวที่ 2 หมื่นรายต่อเนื่องมาราว 2-3 สัปดาห์ แต่ข้อที่ไม่ทำให้กังวลมากเกินไป คือ ตัวเลขติดเชื้อไม่พุ่งสูงมาก หากเปรียบเทียบการระบาดโอมิครอน เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป หรือเกาหลีใต้ สิงคโปร์ ที่เมื่อตัวเลขขึ้นจะขึ้นสูงมาก แต่ไทยไม่ขึ้นสูงขนาดนั้น เพราะเรามีมาตรการและประชาชนให้ความร่วมมือกับภาครัฐอย่างดี เพื่อชะลอการระบาดให้มากที่สุด ฉะนั้น ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ 90% จะมีอาการน้อย และอีก 10% จะมีอาการหนักและในจำนวนนี้มีส่วนหนึ่งที่เสียชีวิต ซึ่งเราก็พยายามลดตัวเลขการเสียชีวิตให้ต่ำที่สุด จากการวิเคราะห์พบว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป มีโรคประจำตัว ส่วนหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิตลดลงในระลอกโอมิครอน

“ปัจจัยสำคัญพบว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ไม่ได้รับวัคซีนหรือรับเพียง 2 เข็ม โดยคนที่รับวัคซีน 3 เข็มขึ้นไป โอกาสเสียชีวิตมีน้อยกว่ามาก ปัจจุบันคนรับวัคซีนครบ 2 เข็ม โอกาสเสียชีวิตน้อยกว่าไม่ได้รับ 6 เท่า หากรับ 3 เข็มโอกาสเสียชีวิตลดลงถึง 41 เท่า แต่เนื่องจากระยะหลังพบว่า ผู้เสียชีวิตสอดคล้องกับผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง มะเร็งระยะสุดท้าย และติดเตียง แม้ว่ารับวัคซีนแล้วแต่ภูมิคุ้มกันขึ้นไม่ค่อยดี จึงต้องเร่งฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ห่าง โดยจากเข็ม 2 เป็นเวลา 3 เดือน และเข็ม 4 ห่างจากเข็ม 3 ประมาณ 3-4 เดือนขึ้นไป ขึ้นกับสถานการณ์และความเหมาะสม ขณะนี้ สธ.ได้หายาใหม่เข้ามาที่มีผลวิจัยว่าผู้ป่วยอาการดีขึ้น เช่น แพกซ์โลวิด โมลนูพิราเวียร์ รวมถึงความร่วมมือผู้ผลิตยาอื่นๆ ด้วย” นพ.โอภาส กล่าว

นพ.โอภาส กล่าวว่า หลักการคือ ผู้ติดเชื้อมาก ผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้น ดังนั้น เราต้องช่วยกันลดผู้ป่วยให้มากที่สุด โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ที่มีการเดินทาง มีการพบปะ กิจกรรมร่วมกัน เช่น งานเลี้ยง งานทางศาสนา ในการระบาดโอมิครอน พบว่าโอกาสที่ 1 คนติดเชื้อแล้วนำเชื้อไปติดคนในบ้านมากกว่าเดลตา ดังนั้น ช่วงสงกรานต์ขอให้ลดความเสี่ยงแพร่เชื้อในบ้าน โดยฉีดวัคซีนคนในบ้าน และผู้สูงอายุรับเข็มกระตุ้น

เมื่อถามการคาดการณ์ตัวเลขผู้เสียชีวิตระยะนี้ นพ.โอภาส กล่าวว่า หากดูจากประสบการณ์จากยุโรป อเมริกาใต้ และ เกาหลีใต้ พบว่า ตัวเลขพุ่งสูงมากใน 1-2 เดือนแล้วลดลง แต่หากชะลอการระบาดก็จะทอดเวลายาวออกไป แต่เราไม่เลือกให้ตัวเลขพุ่งสูง เพราะจะส่งผลต่อระบบสาธารณสุขที่รองรับไม่ไหว จะมีผู้เสียชีวิตมาก เช่น ฮ่องกงที่ขณะนี้ติดเชื้อพุ่งสูงและเสียชีวิตมาก จนคนกลัวสายพันธุ์โอมิครอน BA.2.2 แต่ในหลักการแล้ว การเสียชีวิตมากเกิดจากคนติดเชื้อมากแล้วระบบสาธารณสุขรองรับไม่ไหว ส่วนระยะที่ผ่านมา ไทยเรายันได้ดี ไม่เกิดสถานการณ์อย่างหลายประเทศ หากถามว่าคาดการณ์อย่างไร คือต้องพยายามให้อัตราติดเชื้อเสียชีวิตน้อยที่สุด ให้ต่ำกว่า 0.1 หรือ 0.2% ให้ได้ ซึ่งขณะนี้เราอยู่ที่อัตรา 0.22% และเชื่อว่าหากเราเร่งวัคซีนในช่วงสงกรานต์ได้ จะช่วยลดอัตราเสียชีวิตได้ รวมถึงเรามียาใหม่เข้ามาก็จะช่วยได้ในอนาคต” นพ.โอภาส กล่าว

เมื่อถามว่า จะส่งผลกระทบต่อแผนการปรับโควิดเป็นโรคประจำถิ่นหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า แผนปรับเป็นโรคประจำถิ่น ที่เสนอต่อ ศบค.เห็นชอบ อย่างช้าที่สุดคือวันที่ 1 ก.ค. 2565 มีเวลาอีก 2-3 เดือนในการเตรียมความพร้อม ดังนั้น ช่วงนี้ต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น จัดหายาใหม่ๆ เพื่อปรับแนวทางการรักษา และให้ประชาชนเข้าใจในระบบการดูแล อย่างเจอแจกจบที่ใช้ในกลุ่มผู้รับวัคซีนครบ ร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว พบว่าเป็นผลดี ประชาชนหลายคนเห็นด้วย รับยาแล้วดูแลตนเองได้ ตามข้อมูลจ่ายยา 3 สูตร พบว่า ไม่มีอาการไม่ต้องรับยาถึง 50% ยาฟ้าทะลายโจร 25% และ ฟาวิพิราเวียร์ 25% ส่วนกลุ่มเสี่ยง 608 จัดให้อยู่กลุ่มสีเหลืองเพื่อรักษาอีกแบบหนึ่ง ขณะนี้เราจึงมีวิธีการรักษาที่เหมาะกับสถานการณ์กับประชาชน


กำลังโหลดความคิดเห็น