ศบค.เผยยอดดับนิวไฮอีกแล้ว 74 ราย ส่วนใหญ่เป็นสูงอายุ มีโรคประจำตัว พบยอดดับสูงกว่าเส้นคาดการณ์ที่แย่ที่สุดแล้ว เร่งฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยงดับ จัดสัปดาห์รณรงค์ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น 21-31 มี.ค.นี้ หวังสงกรานต์กลับบ้านปลอดภัยปลอดเชื้อ ส่วนติดเชื้อวันนี้ยังทรงตัว ป่วยปอดอักเสบยังสูงขึ้น กทม.ยังสูง 3.1 พันราย
เมื่อวันที่ 10 มี.ค. พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผอ.สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค เป็นตัวแทนศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า องค์การอนามัยโลกระบุโควิดทำให้เสียชีวิตทั่วโลกแล้วกว่า 6 ล้านราย สหรัฐอเมริกาติดเชื้อสะสมและเสียชีวิตสูงสุดในโลก คือ ติดเชื้อสะสมมากกว่า 78 ล้านราย เสียชีวิต 951,348 ราย สำหรับประเทศไทยวันนี้ติดเชื้อจาก RT-PCR จำนวน 22,984 ราย จาก ATK 49,494 ราย รวม 72,478 ราย เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จำนวนนี้ติดเชื้อจากต่างประเทศ 47 รายเท่านั้น ถือว่าลดลงเรื่อยๆ กำลังรักษา 220,334 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในศูนย์แยกกักชุมชน รพ.สนาม และ HI 162,880 ราย อยู่ในรพ. 58,254 ราย มีอาการหนัก 1,238 ราย 1ใน 3 ใส่ท่อช่วยหายใจ 420 ราย ดังนั้น ที่รักษาอยู่คืออาการไม่หนัก 57,016 คน คิดเป็น 97.8% ถ้าเป็นไปได้ให้กลุ่มนี้ไปรักษาที่บ้านจะดีกว่า เพื่อสงวนเตียงให้อาการปานกลางและหนัก
ทั้งนี้ ผู้ป่วยปอดอักเสบ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ส่วนผู้เสียชีวิตสูงขึ้นชัดเจน วันนี้สูงสุดนิวไฮ 74 ราย ต้องศึกษาเพิ่มเติมว่าปัจจัยมาจากอะไร ส่วนอัตราเสียชีวิตของระลอกนี้อยู่ที่ 0.20% ส่วนผู้ติดเชื้อรายวันเฉลี่ย 2 สัปดาห์ ยังเพิ่มขึ้นแบบทรงๆ ไม่สูงมาก
ผู้เสียชีวิตวันนี้ 74 ราย อายุน้อยสุด 26 ปี มากสุด 97 ปี อายุกลาง 73 ปี โดยมาจากภาคใต้เยอะสุด 20 ราย กทม. 12 ราย ภาคกลาง 12 ราย อีสาน 12 ราย ปริมณฑล 10 ราย และเหนือ 8 ราย ปัจจัยเสี่ยงคือ 95% อายุ 60 ปีขึ้นไป มีโรคเรื้อรัง ที่พบคือมะเร็งระยะสุดท้าย ไตวายเรื้อรัง อ้วน หลอดเลือดสมอง หัวใจ และติดเตียง ปัจจัยติดเชื้อจากคนรู้จักและครอบครัว หรืออาศัยในพื้นที่การระบาดของโรค การลดอัตราเสียชีวิตคือการรับวัคซีน ซึ่งผู้เสียชีวิต 74 ราย พบว่า 48% ไม่ได้รับวัคซีนเลย รับเข็มเดียว 6% รับ 2 เข็มเกิน 3 เดือน 35% รับ 2 เข็มไม่เกิน 3 เดือน 9% และรับ 3 เข็ม 1%
การคาดการณ์การเสียชีวิตของประเทศไทย ทิศทางยังสูงขึ้นเรื่อยๆ สูงกว่าเส้นคาดการณ์ทั้ง 3 เส้น สูงกว่าเส้นคาดการณ์ที่แย่ที่สุด เป้นการเตือนว่าผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นต้องมีการจัดการ โดยนำผู้ที่เสี่ยงเสียชีวิตไปรับวัคซีนไม่ว่าเข็ม 1 2 หรือ 3 ก็ตาม รวมถึงผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ที่มีรายงานทุกวันคือไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย มะเร็ง อ้วน ติดเตียง หากฉีดครบ 2 เข็มเกิน 3 เดือนมารับเข็มกระตุ้น จะได้ลดป่วยหนักและเสียชีวิต
สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด ความครอบคลุมเข็ม 1 และ 2 เป้นไปตามเป้า โดยเข็ม 1 ครอบคลุม 77.8% และเข็มสองครอบคลุม 71.8% ส่วนขณะนี้การระบาดของโอมิครอน จำเป็นต้องรับเข็มกระตุ้น หากรับเข็มสองครบ 3 เดือน ซึ่งจะลดป่วยหนักและเสียชีวิตถึง 96% โดยขณะนี้การฉีดเข็มกระตุ้นอยูเพียง 30% ถือว่ายังต่ำมาก หรือประมาณ 19.6 ล้านคนในเข็ม 3 และ 1.8 ล้านคนในเข็ม 4
พญ.สุมนีกล่าวว่า ส่วนผู้ติดเชื้อสูงสุด 10 จังหวัด ได้แก่ 1.กทม. 3,192 ราย 2.นครศรีธรรมราช 1,228 ราย 3.ชลบุรี 978 ราย 4.สมุทรปราการ 927 ราย 5.นนทบุรี 794 ราย 6.สมุทรสาคร 759 ราย 7.พระนครศรีอยุธยา 550 ราย 8.ภูเก็ต 523 ราย 9.ฉะเชิงเทรา 493 ราย และ 10.ปทุมธานี 475 ราย ส่วนพื้นที่ กทม.พบคลัสเตอร์ใหม่ คือ โรงเรียนเขตบางบอน ส่วน 5 เขตที่ติดเชื้อสูงสุด คือ สะพานสูง 170 ราย บางแค 152 ราย ป้อมปราบศัตรูพ่าย 128 ราย บางกอกน้อย 122 ราย และหนองแขม 121 ราย
พญ.สุมนี ที่ประชุม สธ.และ ศบค.พูดคุยเรื่องการรณรงค์เร่งรัดฉีดวัคซีนผู้สูงอายุที่เสี่ยงเสียชีวิตจากโควิด โดยตั้งเป้าว่าก่อนสงกรานต์นี้กลุ่ม 607 ควรรับวัคซีนครอบคลุมอย่างน้อย 70% โดยกำหนดสัปดาห์รณรงค์ฉีดเข็มกระตุ้น 21-31 มี.ค. กลุ่มเป้าหมายอายุ 60 ปีขึ้น ขอความร่วมมือประชาชนและกรรมการโรคติดต่อจังหวัดทุกจังหวัดทำแผนเชิงรุกร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และฝ่ายปกครองในพื้นที่สำรวจคนยังไม่ได้รับวัคซีนให้มารับโดยเร็ว คนที่ฉีดเข็มกระตุ้นแล้วก็ยังต้องเคร่งครัดมาตรการป้องกันตนเองสูงสุดช่วงเทศกาลสงกรานต์ การฉีด 2 เข็มลดเสียชีวิตลง 6 เท่า 3 เข็มลดลง 41 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ไม่ได้รับวัคซีน ขอให้มาฉีดเพื่อกลับบ้านสงกรานต์กันอย่างปลอดภัย