ศบค.เห็นชอบปรับพื้นที่สีใหม่ ลดพื้นที่สีส้มเหลือ 20 จังหวัด เพิ่มพื้นที่สีเหลืองเป็น 47 จังหวัด พร้อมเพิ่ม 2 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวใหม่ คือ เชียงใหม่ และเพชรบุรี ย้ำยังไม่อนุญาตเปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ ขอให้ปรับเป็นร้านอาหารแทน ส่วนยอดติดเชื้อวันนี้สูงสุด 2.7 หมื่นราย ในระลอกโอมิครอน ดับสูงสุด 80 ราย ย้ำเตียงยังเพียงพอรองรับ เริ่ม UCEP Plus ไม่พบปัญหา
เมื่อวันที่ 18 มี.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) แถลงภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่า ในการประชุมนายกฯ แสดงความห่วงใยช่วง มี.ค.- พ.ค. ที่เป็นฤดูกาลผลไม้ไทยที่จะออกไปในตลาดโลกจำนวนมาก จึงให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) บูรณาการร่วมกันให้การส่งออกผลไม้ไทยไปถึงประเทศผู้ซื้อโดยไม่ให้สถานการณ์ต่างๆ มาเป็นผลกระทบต่อการส่งออกของไทย
ส่วนที่หารือกันมี 8 ประเด็นสำคัญ คือ 1. สถานการณ์ติดเชื้อ ทั่วโลกติดเชื้อ 466 ล้านราย เสียชีวิต 6.08 ล้านราย อัตราเสียชีวิต 1.31% ส่วนแถบเอเชียเกาหลีใต้ติด 4 แสนกว่ารายต่อวัน ส่วนยุโรปและตะวันตกลดลงแต่ยังมีแนวโน้มสูง ส่วนการจะก้าวสู่โรคประจำถิ่น อัตราการเสียชีวิตสำคัญ ซึ่งอัตราเสียชีวิตของประเทศไทยยังถือว่าต่ำกว่าหลายประเทศในโลก โดยวันนี้ไทยติดเชื้อรายใหม่ 27,071 ราย เสียชีวิต 80 ราย อัตราเสียชีวิต 0.22% กำลังรักษาใน รพ. 68,776 ราย รักษาที่บ้านและอื่นๆ 161,827 ราย อาการหนัก 1,391 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 511 ราย การครองเตียง 27% โดยเฉพาะระดับสีเหลืองและสีแดงยังมีเตียงว่างอยู่ ถือว่าระบบยังอยู่ได้ สอดคล้องกับบริการ เจอ แจก จบ ส่วนใหญ่ก็จ่ายยาตามอาการ จ่ายยาฟ้าทะลายโจร และฟาวิพิราเวียร์เพียงอย่างละ 1 ใน 4 เท่านั้น จึงขอให้ดูแลสุขภาพเพื่อลดการใช้เตียง สถานการณ์ติดเชื้อและปอดอักเสบ ยังอยู่ในเส้นคาดการณ์สีเขียว แต่ใส่เครื่องช่วยหายใจและเสียชีวิตมาอยู่ในเส้นสีแดงของการคาดการณ์ ต้องลดลงมาให้ได้
2. UCEP Plus ที่เริ่มวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้กลุ่มสีเหลืองสีแดงเข้าถึงบริการ โดยเข้ารักษา รพ.ใดก็ได้ รัฐและเอกชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งพบว่าดำเนินการได้ด้วยดี ผู้ติดเชื้อรับการดูแลไม่ต่างจากเดิม แต่มีระบบจัดการหลายระบบให้สอดคล้องความต้องการ และสถานพยาบาลรองรับผู้ป่วยโรคอื่นๆ ได้ เพราะโควิดไม่ได้เป็นทุกอย่างของประเทศไทย เรายังมีผู้ป่วยมะเร็งและโรคอื่น ที่ดำเนินการต่อไปได้
3. การพิจารณาปรับระดับพื้นที่สถานการณ์หรือพื้นที่สี เป็นข่าวดีบางจังหวัด จากเดิมเรามีพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 44 จังหวัด เหลือ 20 จังหวัด ได้แก่ ตาก นครนายก นครปฐม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก ระนอง ระยอง ราชบุรี สงขลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สุราษฎร์ธานี อุดรธานี และอุตรดิตถ์
พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จาก 25 จังหวัด เพิ่มเป็น 47 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยนาท ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย ตรัง ตราด นครพนม นครสวรรค์ นราธิวาส น่าน บึงกาฬ ปราจีนบุรี ปัตตานี พะเยา เพชรบูรณ์ แพร่ มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ยะลา ร้อยเอ็ด ลพบุรี ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สตูล สมุทรสงคราม สระแก้ว สระบุรี สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุทัยธานี และอุบลราชธานี
และพื้นที่สีฟ้านำร่องท่องเที่ยวทั้งจังหวัดจาก 8 จังหวัด เพิ่มเป็น 10 จังหวัด ได้แก่ กทม. กาญจนบุรี กระบี่ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี พังงา ภูเก็ต ที่เพิ่มมา 2 จังหวัด คือ เชียงใหม่ และเพชรบุรี ส่วนสีฟ้าบางพื้นที่ในจังหวัดยังมี 18 จังหวัดตามเดิม
ทั้งนี้ ทุกพื้นที่ยังปิดบริการสถานบันเทิง และสถานบริการอื่นที่คล้ายกัน แม้จะมีข่าวว่าผู้ประกอบการจะขอเปิด แต่ ศปก.ศบค. ยังหารือกับ สธ.ร่วมกันว่ายังไม่เห็นชอบให้เปิดได้ ขอให้ใช้ช่องทางปรับเป็นร้านอาหารในการบริการโดยใช้ COVID Free Setting แต่ขอร้องว่าอย่าบริโภคหรือดื่มสุราในพื้นที่สีส้ม ยกเว้นเป็นพื้นที่สีฟ้า