สถานการณ์โควิดยังทรงตัว ติดเชื้อใหม่ 2.4 หมื่นราย กทม.สูงสุด 2.9 พันราย ภาพรวม 61 จังหวัด ยังติดเชื้อเกินร้อยราย ดับเพิ่มอีก 68 ราย สลดทารก 11 เดือน และสูงวัย 107 ปี ดับด้วย“ลำพูน” ยังรายงานเป็น 0 ต่ออีกวันอัตราติดเชื้อจากต่างประเทศลดลง
เมื่อวันที่ 12 มี.ค ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่า ประเทศไทยยังพบผู้ติดเชื้อใหม่เกินหมื่นรายเป็นวันที่ 36 ในการระบาดระลอกโอมิครอน โดยวันนี้พบติดเชื้อรายใหม่ 24,592 ราย สะสม 3,161,241 ราย หายป่วย 21,371 ราย สะสม 2,911,447 ราย เสียชีวิต 68 ราย สะสม 23,643 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 226,151 ราย อยู่ใน รพ. 66,089 ราย อยู่ รพ.สนาม HI CI 160,062 ราย มีอาการหนัก 1,312 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 435 ราย ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิต 68 ราย มาจาก 35 จังหวัด ได้แก่ กทม. 12 ราย, นครศรีธรรมราช 6 ราย, สมุทรปราการ 3 ราย, นครปฐม ปทุมธานี นครราชสีมา มหาสารคาม ศรีสะเกษ เชียงใหม่ กระบี่ ตรัง ภูเก็ต สงขลา กาญจนบุรี นครนายก ระยอง สระบุรี สุพรรณบุรี จังหวัดละ 2 ราย และ สมุทรสาคร เลย บุรีรัมย์ แพร่ นครสวรรค์ พะเยา อุตรดิตถ์ อุทัยธานี ชุมพร นราธิวาส ปัตตานี ระนอง สุราษฎร์ธานี ชลบุรี ตราด ประจวบคีรีขันธ์ และราชบุรี จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 38 ราย หญิง 30 ราย อายุ 11 เดือน - 107 ปี เฉลี่ย 75 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุและโรคประจำตัวรวม 93%
ส่วน 10 จังหวัดที่มีรายงานติดเชื้อรายใหม่สูงสุด คือ 1. กทม. 2,985 ราย 2. ชลบุรี 1,203 ราย 3. นครศรีธรรมราช 1,148 ราย 4. สมุทรปราการ 986 ราย 5. นนทบุรี 969 ราย 6. สมุทรสาคร 767 ราย 7. ปทุมธานี 707 ราย 8. พระนครศรีอยุธยา 675 ราย 9. สงขลา 619 ราย และ 10. นครปฐม 614 ราย
สำหรับจังหวัดติดเชื้อถึง 100 รายขึ้นไปยังมีอีก 51 จังหวัด คือ ราชบุรี 527 ราย, ฉะเชิงเทรา 492 ราย, ภูเก็ต 491 ราย, ระยอง 460 ราย, ร้อยเอ็ด 436 ราย, นครราชสีมา 438 ราย, ปัตตานี 393 ราย, บุรีรัมย์ 371 ราย, พัทลุง 351 ราย, สุพรรณบุรี 340 ราย, อุบลราชธานี 338 ราย, มหาสารคาม 332 ราย, สมุทรสงคราม 321 ราย, ขอนแก่น 302 ราย, เชียงใหม่ 295 ราย, ปราจีนบุรี 289 ราย, นราธิวาส 281 ราย, กาฬสินธุ์ 272 ราย, จันทบุรี 263 ราย, เพชรบุรี 252 ราย, สุราษฎร์ธานี 248 ราย, อุดรธานี 246 ราย, ยะลา 242 ราย, สระแก้ว 242 ราย, สระบุรี 234 ราย, ตรัง 233 ราย, กาญจนบุรี 231 ราย, ประจวบคีรีขันธ์ 230 ราย, สุรินทร์ 223 ราย, ศรีสะเกษ 200 ราย
นครสวรรค์ 196 ราย, ระนอง 196 ราย, หนองคาย 194 ราย, สตูล 191 ราย, นครนายก 184 ราย, ลพบุรี 181 ราย, ชุมพร 177 ราย, พิษณุโลก 175 ราย, กระบี่ 170 ราย, เลย 168 ราย, ชัยภูมิ 167 ราย, ตาก 157 ราย, ยโสธร 145 ราย, สกลนคร 143 ราย, สุโขทัย 134 ราย, อ่างทอง 132 ราย, แพร่ 128 ราย, กำแพงเพชร 119 ราย, ตราด 111 ราย และสิงห์บุรี 108 ราย ทั้งนี้ ไม่มีจังหวัดใดติดเชื้อหลักน่วย แต่มี “ลำพูน” ที่ไม่มีรายงานการติดเชื้อหรือเป็น 0 ด้วยวิธี RT-PCR เป็นวันที่ 2
ส่วนการติดเชื้อมาจากเรือนจำพบ 158 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 80 ราย ใน 21 ประเทศ ซึ่งประเทศต้นทางที่มีการติดเชื้อมาก เช่น สิงคโปร์ 9 ราย, กัมพูชา 5 ราย, อังกฤษ ฮ่องกง ฝรั่งเศส เยอรมนี ประเทศละ 4 ราย เป็นต้น ภาพรวมเข้าระบบ Test&Go 22 ราย แซนด์บ็อกซ์ 9 ราย ระบบกักตัว 21 ราย
สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1-11 มี.ค. 2565 จำนวน 90,838 ราย รายงานติดเชื้อ 879 ราย คิดเป็น 0.97% แบ่งเป็นระบบ Test&Go 78,272 ราย ติดเชื้อ 566 ราย คิดเป็น 0.72% แซนด์บ็อกซ์ 10,980 ราย ติดเชื้อ 274 ราย คิดเป็น 2.5% และกักตัว 1,586 ราย ติดเชื้อ 39 ราย คิดเป็น 2.46%
การฉีดวัคซีนโควิด 19 วันที่ 11 มี.ค. ฉีดได้ 273,832 โดส สะสมรวม 125,862,893 โดส เป็นเข็มแรก 54,299,065 ราย คิดเป็น 78.1% ของประชากร เข็มสอง 49,965,129 ราย คิดเป็น 71.8% ของประชากร และเข็มสาม 21,598,699 ราย คิดเป็น 31.1% ของประชากร