โควิดระบาด 2 ปี ไทยติดเชื้อสะสม 3 ล้านราย วันนี้ติดเพิ่ม 2.28 หมื่นราย ติดเชื้อเกินหมื่นรายมาเกือบ 1 เดือน 60 จังหวัด ติดเชื้อเกิน 100 ราย ภาพรวมยังทรงตัว กำลังรักษา 232,147 ราย ปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดับอีก 52 ราย พบทารกครึ่ง-สูงอายุ 104 ปี ดับด้วย ลักลอบจากพม่าเจอติดเชื้ออีก 29 ราย
เมื่อวันที่ 5 มี.ค ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวัน ว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่หลักหมื่นราย เป็นวันที่ 29 นับจากการระบาดระลอกโอมิครอน พบติดเชื้อ 22,818 ราย สะสม 3,004,814 ราย หายป่วย 18,462 ราย สะสม 2,749,491 ราย เสียชีวิต 52 ราย สะสม 23,176 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 227,843 ราย อยู่ใน รพ. 80,016 ราย อยู่ รพ.สนาม HI CI 152,131 ราย มีอาการหนัก 1,124 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 355 ราย ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิต 54 ราย มาจาก 31 จังหวัด ได้แก่ กทม. 7 ราย, ภูเก็ต 4 ราย, สมุทรสาคร 3 ราย, สมุทรปราการ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สุรินทร์ หนองคาย เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ ชลบุรี ราชบุรี และสิงห์บุรี จังหวัดละ 2 ราย และ นครปฐม นนทบุรี กาฬสินธุ์ นครราชสีมา อุบลราชธานี เพชรบูรณ์ น่าน พิษณุโลก กระบี่ ตรัง ยะลา สตูล กาญจนบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ตราด ระยอง และอ่างทอง จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 33 ราย หญิง 19 ราย อายุ 0.5-104 ปี เฉลี่ย 72 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุและโรคประจำตัวรวม 92%
ส่วน 10 จังหวัดที่มีรายงานติดเชื้อรายใหม่สูงสุด คือ 1. กทม. 2,809 ราย 2. ชลบุรี 1,126 ราย 3. นครศรีธรรมราช 1,067 ราย 4. สมุทรปราการ 891 ราย 5. สมุทรสาคร 670 ราย 6. ระยอง 669 ราย 7. นครปฐม 667 ราย 8. ภูเก็ต 658 ราย 9. พระนครศรีอยุธยา 656 ราย และ 10. นนทบุรี 654 ราย
สำหรับจังหวัดติดเชื้อถึง 100 รายขึ้นไป ยังมีอีก 50 จังหวัด คือ ปทุมธานี 624 ราย, นครราชสีมา 558 ราย, บุรีรัมย์ 520 ราย, ราชบุรี 451 ราย, สุพรรณบุรี 427 ราย, ฉะเชิงเทรา 380 ราย, ขอนแก่น 378 ราย, กาญจนบุรี 338 ราย, สงขลา 331 ราย, ร้อยเอ็ด 327 ราย, สระบุรี 312 ราย, สุรินทร์ 284 ราย, เชียงใหม่ 270 ราย, ปราจีนบุรี 270 ราย, ชุมพร 258 ราย, ยะลา 249 ราย, พัทลุง 237 ราย, ประจวบคีรีขันธ์ 228 ราย, ปัตตานี 223 ราย, อุบลราชธานี 214 ราย, สมุทรสงคราม 212 ราย, เพชรบุรี 209 ราย, สระแก้ว 206 ราย, กาฬสินธุ์ 202 ราย, มหาสารคาม 201 ราย
ลพบุรี 197 ราย, สุราษฎร์ธานี 195 ราย, หนองคาย 193 ราย, พิษณุโลก 182 ราย, อุดรธานี 181 ราย, ศรีสะเกษ 178 ราย, สกลนคร 172 ราย, ชัยภูมิ 168 ราย, นครสวรรค์ 167 ราย, เพชรบูรณ์ 163 ราย, กำแพงเพชร 161 ราย, ตรัง 160 ราย, ระนอง 156 ราย, ตาก 150 ราย, นครพนม 145 ราย, สตูล 142 ราย, แพร่ 141 ราย, ยโสธร 141 ราย, กระบี่ 139 ราย, อ่างทอง 134 ราย, นครนายก 132 ราย, จันทบุรี 131 ราย, นราธิวาส 117 ราย, หนองบัวลำภู 113 ราย และบึงกาฬ 101 ราย ส่วนจังหวัดติดเชื้อหลักหน่วยมี 1 จังหวัด ได้แก่ ลำพูน 4 ราย
ส่วนการติดเชื้อมาจากเรือนจำพบ 115 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 137 ราย ใน 30 ประเทศ ซึ่งประเทศต้นทางที่มีการติดเชื้อมาก เช่น เมียนมา 32 ราย เป็นลักลอบเข้ามา 29 ราย, รัสเซีย 21 ราย, อังกฤษ 12 ราย, เยอรมนี 9 ราย, ฝรั่งเศส 8 ราย, สวีเดน 7 ราย, เดนมาร์ก 5 ราย เป็นต้น ภาพรวมเข้าระบบ Test&Go 67 ราย แซนด์บ็อกซ์ 32 ราย ระบบกักตัว 9 ราย และลักลอบเข้ามา 29 ราย
สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1-4 มี.ค. 2565 จำนวน 27,291 ราย รายงานติดเชื้อ 443 ราย คิดเป็น 1.38% แบ่งเป็นระบบ Test&Go 27,291 ราย ติดเชื้อ 290 ราย คิดเป็น 1.06% แซนด์บ็อกซ์ 4,095 ราย ติดเชื้อ 144 ราย คิดเป็น 3.52% และกักตัว 670 ราย ติดเชื้อ 9 ราย คิดเป็น 1.34%
การฉีดวัคซีนโควิด 19 วันที่ 4 มี.ค. ฉีดได้ 253,688 โดส สะสมรวม 124,649,712 โดส เป็นเข็มแรก 53,867,360 ราย คิดเป็น 77.4% ของประชากร เข็มสอง 49,840,169 ราย คิดเป็น 71.7% ของประชากร และเข็มสาม 20,942,183 ราย คิดเป็น 30.1% ของประชากร