รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยโครงการ “สมุยพลัสแซนด์บ็อกซ์” เปิด 3 เกาะรับนักท่องเที่ยว 2 เดือนสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 38 ล้านบาท เดินหน้าสร้างความมั่นใจพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเลด้วย 4 มาตรการด้านสาธารณสุข พร้อมเร่งฉีดวัคซีนกลุ่ม 608 สร้างความปลอดภัยในพื้นที่
วันนี้ (6 ต.ค.) ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นางสุพัชรี ธรรมเพชร ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 11 และคณะ ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานโครงการ “สมุยพลัสแซนด์บ็อกซ์” (Samui Plus Sandbox) พร้อมมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์สนับสนุนการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ให้แก่โรงพยาบาลเกาะพะงันและโรงพยาบาลเกาะสมุย โดย ดร.สาธิต กล่าวว่า เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวทางทะเลอย่างปลอดภัย เพื่อขับเคลื่อนและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดส ไม่ต้องกักตัว แต่ต้องได้รับการคัดกรองต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจทั้งกับนักท่องเที่ยวด้วยกันและประชาชนในพื้นที่ เป็นการต่อยอดจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
ดร.สาธิต กล่าวต่อว่า การเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยได้ดำเนินการภายใต้ 4 มาตรการด้านสาธารณสุข คือ 1. การฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ขณะนี้มีความครอบคลุมประชากรในพื้นที่ทั้ง 3 เกาะมากกว่า 70% และกำชับให้เร่งฉีดในกลุ่ม 608 เพื่อลดป่วยหนักลดการเสียชีวิต 2. การรักษาพยาบาล มีความพร้อมทั้งด้านเตียงรักษาผู้ป่วยทุกระดับสี เกือบ 600 เตียง มียารักษาโรคชนิดฉีดและรับประทาน มีระบบเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาทั้งการสอบสวนโรค ค้นหาเชิงรุก การตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการได้วันละ 1,200 คน และ 3. การควบคุมกำกับ สามารถชะลอโครงการทันทีหากพบผู้ติดเชื้อเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มโครงการเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม จนถึงปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวสะสม 1,018 คน ทุกคนได้รับการตรวจคัดกรองอย่างต่อเนื่อง พบผู้ติดเชื้อเพียง 5 ราย และนำเข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างเหมาะสม สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ถึง 38,722,100 บาท
“ขอชื่นชมการดำเนินงานสมุยพลัสแซนด์บ็อกซ์ เราจะเดินหน้าต่อไป ในการพัฒนาด้านการแพทย์และสาธารณสุข สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว และเชื่อมั่นว่า ในปี 2565 เราจะสามารถฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรของประเทศได้ 70-80% เพื่อให้ประชาชนในประเทศปลอดภัย ประกอบอาชีพได้ และสามารถต้อนรับนักท่องเที่ยว ร่วมกันเดินหน้าเศรษฐกิจของประเทศ” ดร.สาธิต กล่าว