ศบค. รายงานไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 4,887 ราย โดยแบ่งเป็นติดเชื้อใหม่ 2,052 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 2,835 ราย สะสมระลอกเม.ย. 64,891 ราย กำลังรักษาอยู่ 30,661 ราย ผู้เสียชีวิตมากสุดในกทม. ส่วนแนวโน้มผู้ป่วยของกทม. ทรงตัว แต่อาจมีผู้ป่วยอาการหนัก ใส่เครื่องช่วยหายใจเพิ่มขึ้น เฝ้าระวังอีก 11 เขตติดเชื้อต่อเนื่อง กทม. มีผู้กักตัวอยู่บ้าน 6,121 ราย ขอความร่วมมือไม่ออกจากที่กักตัว
วันนี้ (13 พ.ค.) เวลา 12.32 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,887 ราย โดยแบ่งเป็นติดเชื้อใหม่ 2,052 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 2,835 ราย พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 93,794 ราย รักษาหายป่วยเพิ่ม 1,572 ราย สะสม 60,615 ราย กำลังรักษาอยู่ 30,661 ราย แบ่งเป็นรักษาในโรงพยาบาล 20,451 ราย และโรงพยาบาลสนาม 12,210 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มเป็น 1,209 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 406 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 32 ราย รวมเสียชีวิต 518 คน
ผู้ติดเชื้อรายใหม่แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 4,887 ราย เป็นผู้ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 1,439 ราย จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 597 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 2,835 ราย และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเข้า State Quarantine 16 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 32 ราย เป็นชาย 26 ราย หญิง 6 ราย อายุน้อยสุด 38 ปี อายุมากสุด 93 ปี อยู่ใน กทม. 17 ราย นครราชสีมา 3 ราย ปทุมธานี เชียงใหม่ จังหวัดละ 2 ราย สุรินทร์ สระบุรี นครปฐม พะเยา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี เพชบุรีภูเก็ต จังหวัดละ 1 ราย ส่วนมากมีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเส้นเลือด ปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 คือ จากสัมผัสผู้ติดเชื้อที่เป็นคนในครอบครัว
สำหรับการพบผู้ป่วยในวันนี้ จะเห็นว่า มีส่วนของการค้นหาผู้ป่วยในเรือนจำเพิ่มเติมเข้ามา (ตรงสีเทา) จากการค้นหาเชิงรุกปกติ ทำให้ยอดสูงโด่ง ส่วนการพบผู้ป่วยจากต่างประเทศ ยังคงมีพบการลักลอบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติอยู่ จากทางลาว กัมพูชา ขอย้ำประชาชนเป็นหูเป็นตาพบผู้ลักลอบเข้าประเทศ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ถ้าเราพบเบาะแสจัดการเรื่องนี้โดยตรง เราจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด
ในส่วนของทั้งประเทศพื้นที่สีขาว 14 จังหวัด ตัวเลขเป็น 0 ไม่พบผู้ติดเชื้อ ได้แก่ ลพบุรี , ตราด , ตาก , น่าน, กาฬสินธุ์ , อุตรดิตถ์ , หนองคาย , สอำนาจเจริญ , แม่ฮอ่งสอน , หนองบัวลำภู , มุกดาหาร และสตูล
10 อันดับ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ วันที่ 13 พ.ค. 2564 คือ 1. กรุงเทพมหานคร 1,069 ราย 2. สมุทรปราการ 194 ราย 3. ปทุมธานี 105 ราย 4. นนทบุรี 78 ราย 5. สุราษฎร์ธานี 73 ราย 6. สมุทรสาคร 57 ราย 7. ชลบุรี 56 ราย 8. ประจวบคีรีขันธ์ 41 ราย 9. พระนครศรีอยุธยา 39 ราย 10. ระยอง 30 ราย
กรุงเทพฯ และปริมณฑล พบผู้ป่วยราว 1,500 ราย ต่างจังหวัด 500 ราย โดยกรุงเทพมหานครแนวโน้มการระบาดคงตัว ไม่ลดลง มีผู้ป่วยอาการหนัก และใส่เครื่องท่อช่วยหายใจเพิ่มขึ้น อนามัยกทม. แบ่งพื้นที่ 600 คนเป็นสีแดง มากกว่า 300 คนเป็นสีเหลือง น้อยกว่า 300 คนเป็นสีฟ้า พบกลุ่มก้อนการระบาดในชุมชน การระบาดในที่ทำงานพนักงานบริษัท ตลาด และแคมป์คนงานก่อสร้าง โดยมี 11 เขต ดินแดง วัฒนา ลาดพร้าว พระนคร ราชเทวี สวนหลวง ดุสิต ป้อมปราบฯ คลองเตย จตุจักร และหลักสี่ เฝ้าระวังการติดเชื้อต่อเนื่อง การค้นหาเชิงรุก ยังคงดำเนินการในหลายๆ ชุมชน
โดยกลุ่มเฝ้าระวังในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อยู่ใน Home Quarantine อยู่ระหว่างกักตัวที่บ้าน 6,121 ราย ขอให้ท่านปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ไม่ออกจากนอกที่กักตัว ส่วนใน Local Quarantine ที่เป็นโรงแรม อยู่ระหว่างกักตัว 226 ราย
ขณะที่ยอดรวมผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระลอกเดือนเมษายน เริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย. 64 เป็นต้นมา พบผู้ติดเชื้อแล้ว 64,891 ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่ตรวจพบในระบบเฝ้าระวังและบริการ 51,597 ราย ตรวจพบจากการค้นหาคัดกรองเชิงรุก 10,164 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ 335 ราย เสียชีวิตสะสม 424 ราย
สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม 2564 เวลา 10.00 น. ยอดผู้ติดเชื้อรวม 161,080,616 ราย อาการรุนแรง 105,218 ราย รักษาหายแล้ว 138,863,518 ราย เสียชีวิต 3,345,018 ราย
อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด
1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 33,586,136 ราย
2. อินเดีย จำนวน 23,702,832 ราย
3. บราซิล จำนวน 15,361,686 ราย
4. ฝรั่งเศส จำนวน 5,821,668 ราย
5. ตุรกี จำนวน 5,072,462 ราย
ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 95 จำนวน 93,794 ราย