กรมศิลปากร เดินเครื่องงานปี 65 จัดทำงบประมาณตามแผนงานของรัฐบาล โชว์ศักยภาพแหล่งเรียนรู้ใหม่หลังพัฒนา เน้นเผยแพร่องค์ความรู้เชื่อมต่อคนทุกวัยผ่านโซเชียล
วันนี้ (26 ม.ค.) นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบาย และแนวทางการจัดทำงบประมาณไปแล้วนั้น โดยในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรี วธ.ได้จัดประชุมหน่วยงานในสังกัด โดยได้เน้นย้ำถึงจัดทำแนวทางการจัดทำงบประมาณตามแผนงานของรัฐบาล 4 ด้านหลัก ได้แก่ 1. การเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก 2. การยกระดับขีดความสามารถของประเทศเพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว 3. การพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของคนให้เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ และ 4. การปรับปรุงและพัฒนาปัจจัยพื้นฐานเพื่อส่งเสริมฟื้นฟูและพัฒนาประเทศ ซึ่งในส่วนของกรมศิลปากร ได้มีการจัดทำแผนงานโครงการและกิจกรรมโดยจัดลำดับความสำคัญที่มีความจำเป็นเร่งด่วนใน 4 ด้านงานอนุรักษมรดกชาติ ได้แก่ ด้านนาฏดุริยางคศิลป์ โบราณคดีและพิพิธภัณฑ์ ด้านภาษา เอกสาร และหนังสือและด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม
นายประทีป กล่าวว่า สำหรับโครงการที่จะดำเนินการได้ย้ำให้แต่ละสำนักปรับแผนงานสอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 พร้อมกับปรับปรุงฐานข้อมูลโดยเฉพาะและระบบการสืบค้นเกี่ยวกับองค์ความรู้แขนงต่างๆ ให้เป็นปัจจุบัน และแยกย่อยข้อมูลที่น่าสนใจมานำเสนอผ่านสื่อออนไลน์ เรียกว่าโครงการแบ่งปันความรู้ ซึ่งการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างมาก
ขณะที่การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ได้มีการปรับปรุงต่อเนื่อง คาดว่า จะมีการเปิดตัวหลายแห่ง เช่น ศูนย์ข้อมูลอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จ.อุดรธานี พิพิธภัณธสถานแห่วชาติบ้านเก่า จ.กาญจนบุรี พิพิธภัณฑ์เครื่องทองอยุธยา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติถลาง จ.ภูเก็ต รวมถึงการเปิดอุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม จ.สระแก้วและศูนย์ข้อมูลซึ่งการเปิดตัวแต่ละแห่งให้สำนักศิลปากรพื้นที่ประสานงานกับจังหวัดและภาคส่วนต่างๆ ได้เห็นความสำคัญดึงดูดคนในพื้นที่เข้ามาเยี่ยมชม โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาที่สามารถเชื่อมโยงการเรียนรู้นอกสถานที่ได้
“ในส่วนของงานบูรณะโบราณสถานต่างๆ ยังคงดำเนินการต่อเนื่อง แต่พยายามจะไม่ให้มีการเปิดหน้างานใหม่ยกเว้นงานบูรณะที่สำคัญ โดยให้ดูแลผู้ปฏิบัติงานตามมาตราการสาธารณสุข ขณะที่การติดตามงานต่างๆ สามารถปรับรูปแบบโดยใช้เทคโนโลยีและออนไลน์เข้ามาช่วยเพื่อลดข้อจำกัดลงจากการไม่สามารถเดินทางไปลงพื้นที่ได้เองขณะที่การเปิดแหล่งเรียนรู้ยังสามารถเปิดให้บริการประชาชนได้ แต่กำชับให้เข้มงวดเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอย่างเคร่งครัด” อธิบดีกรมศิลป์ กล่าว