กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ชี้ระดับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็ก ที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ
วันนี้ (15 ม.ค.) นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ฝุ่นละออง PM 2.5 คือ ฝุ่นขนาดเล็ก มีขนาดเล็กกว่าเส้นผมมนุษย์ถึง 25 เท่า ทำให้สูดเข้าไปในร่างกายได้โดยตรง ความรุนแรงของ ฝุ่น PM 2.5 นี้ มีอันตรายต่อเด็กเพราะสามารถแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย และทำลายระบบต่างๆ ได้ ซึ่งปกติแล้วเด็กจะมีอัตราการหายใจถี่กว่าผู้ใหญ่ จะสูดอากาศที่มีมลพิษเข้าไปมากกว่าผู้ใหญ่ ยิ่งเด็กอายุน้อยเท่าไร อัตราการหายใจเข้าต่อนาทีก็ยิ่งถี่มากขึ้นเท่านั้น เด็กจึงมีความเปราะบางต่อผลกระทบต่างๆ มากกว่าทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เมื่อฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ผ่านเข้าไปในสมองของเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กที่อยู่ในครรภ์มารดา ฝุ่นละอองเหล่านี้จะทำลายเซลล์สมอง ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสติปัญญา ซึ่งสามารถส่งผลต่อการเรียนรู้ ความเป็นอยู่ และความสามารถในการประกอบอาชีพในระยะยาวด้วย
นายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวว่า เพื่อลดความเสี่ยงของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อเด็กผู้ปกครองควรหลีกเลี่ยงการพาเด็กๆ ไปทำกิจกรรมนอกบ้าน กรณีที่มีความจำเป็นต้องออกไปนอกบ้าน ควรสวมหน้ากากอนามัยที่มีไซส์ขนาดเล็กที่เหมาะกับเด็กขนาดพอดีหน้า ไม่มีช่องให้ฝุ่นรอดเข้าไปได้ ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวันรับประทานผักผลไม้ อาหารที่มีประโยชน์ กรณีเด็กที่มีโรคประจำตัวควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด และสังเกตอาการของเด็ก หากพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจไม่ออกให้รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาทันที