xs
xsm
sm
md
lg

สอนลูกให้น้อยลง-ปล่อยให้เรียนรู้เองมากขึ้น/ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ใครจะไปคิดว่าส่งท้ายปีเก่า ปีที่ต้องเผชิญชะตากรรมร่วมกับสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 และกำลังจะก้าวเข้าสู่ปีใหม่ เราก็กำลังเผชิญกับการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 และรอบนี้ทำท่าว่าจะหนักหน่วงอยู่ไม่น้อย​ 

หลายสิ่งอย่างในช่วงปีที่กำลังจะหมดไปเป็นปีที่แสนสาหัสของผู้คนจำนวนมาก แต่ก็เป็นปีของผู้คนที่มองเห็นวิกฤตเป็นโอกาสจำนวนไม่น้อยเช่นกัน บางคนประคับประคองชีวิตให้ผ่านพ้นให้ได้ บางคนต้องสูญเสียโอกาสจำนวนมาก 

เรียกว่าเป็นปีที่ผู้คนได้รับผลกระทบกันถ้วนทั่ว

นับจากนี้หลายเรื่องในชีวิตที่เราเคยคิดเคยวางแผนอนาคตไว้ สำหรับบางคนไม่มีวันเป็นไปได้ หรือบางคนอาจต้องปรับแผนชีวิตใหม่หมด หรือบางคนยังไม่รู้จะเอาอย่างไรกับชีวิตต่อไป

แต่ที่แน่ ๆ เป็นปีแห่งการเรียนรู้ร่วมกัน !

นับจากนี้มีความจำเป็นที่เราต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ปรับทัศนคติต่อการดำรงชีวิตใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง

และน่าจะถือเอาโอกาสการขึ้นปีใหม่ในการทบทวน ปรับเปลี่ยน ยอมรับ และเข้าใจชีวิตในแบบที่เราต้องปรับเข้ากับสถานการณ์อย่างที่มันควรจะเป็น

เริ่มตั้งแต่ในระดับครอบครัว จากเดิมที่เราเคยคิดว่าสถานการณ์โควิด-19 จะอยู่กับเราไม่นาน ลูกคงเรียนออนไลน์ไม่นาน พ่อแม่ Work from Home ก็คงไม่นาน การวางแผนจัดการชีวิตบางอย่างจึงค่อนไปทางชะลอไว้ก่อน หลายสิ่งที่ตั้งใจจะทำ ก็คิดว่าอีกไม่นานค่อยทำรอให้สถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้นก่อน

แต่จนบัดนี้ต้องยอมรับว่า ไม่มีอะไรแน่นอนจริง ๆ

ดิฉันเองยอมรับว่าตอนนี้ก็ปรับวิธีคิดใหม่ และพูดคุยกับครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลูกชาย 2 คนซึ่งเป็นนักเรียนมหาวิทยาลัยในเซี่ยงไฮ้ที่ยังไม่ได้กลับไปประเทศจีน แต่ต้องเรียนออนไลน์ที่บ้าน ก่อนหน้านี้ลูกชายก็คาดหวังว่าจะได้กลับไปเรียนที่เซี่ยงไฮ้เทอมหน้า โดยมีความหวังมาโดยตลอด จนผ่านไปถึงสองเทอม และยังไม่มีทีท่าว่าจะมีกำหนดกลับได้เมื่อไหร่ กระทั่งล่าสุดได้พูดคุยกันต้องบอกให้เขาคิดบนสถานการณ์จริง อย่าอยู่กับความหวัง ให้อยู่กับความจริง และเปลี่ยนวิธีคิดว่าถ้าปีหน้ายังไม่ได้กลับไปจะวางแผนการเรียนอย่างไร และจะจัดการกับชีวิตอย่างไร น่าจะดีกว่า 

เพราะปัญหานี้ไม่ใช่แค่เขาสองคนที่ประสบอยู่ แต่ยังมีเด็กจำนวนมากที่กำลังเผชิญกับปัญหาทำนองนี้อยู่ และยังไม่รู้จะจัดการชีวิตอย่างไร ได้แต่รอคอยด้วยความหวัง 

ความจริงสถานการณ์โควิด -19 ยิ่งตอกย้ำว่าการเรียนรู้ในยุคใหม่ต้องไม่ใช่การเรียนรู้ที่เน้นวิชาการในห้องเรียน 

และคำว่าการเรียนรู้ก็ต้องเปลี่ยนไปแบบจริงจังซะที

เพราะการเรียนรู้ไม่ได้อยู่เฉพาะในห้องเรียน และการเรียนรู้หรือบทเรียนต้องตอบโจทย์การเรียนรู้ชีวิต การใช้ชีวิต โดยเฉพาะการเรียนรู้จากสถานการณ์จริง 

และคนที่จะเริ่มการสอนวิชาชีวิตให้กับเด็กก็ไม่พ้นพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือผู้ใกล้ชิดเด็ก 

ที่ผ่านมา พ่อแม่ส่วนใหญ่อาจมีค่านิยมและทัศนคติออกแนวเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของลูก และเน้นเรื่องเร่งรัดอ่านเขียนเรียนมากเกินไป ซึ่งจำเป็นจะต้องปรับกระบวนทัศน์เป็นการเรียนรู้ร่วมไปด้วยกัน ปล่อยให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยสอนวิชาชีวิตให้ลูก สอนให้ลูกอยากเรียนรู้ไปตลอดชีวิต ไม่ใช่หายใจเข้าออกเป็นเรื่องเรียนวิชาการอย่างเดียว 

โดยมีพ่อแม่ทำหน้าที่ประหนึ่งเป็นวาทยกรที่ดี คอยประคับประคองและชี้แนะ

รับฟังอย่างตั้งใจ ปรับจากการเป็นผู้พูดฝ่ายเดียวมาเป็นผู้ฟังที่ดี

สะท้อนความรู้สึก ฝึกให้เด็กรับรู้และบอกเล่าความรู้สึกของตัวเอง

ชวนลูกคิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหา เปิดความคิดของเด็ก อาจใช้วิธีตั้งคำถามให้เด็กๆ ได้แสดงความคิดเห็น

การเรียนรู้ที่ดีต้องปล่อยให้เด็กลงมือทำ จะทำให้ได้เรียนรู้กระบวนการความพยายาม ได้เรียนรู้การเผชิญปัญหาและพร้อมจะแก้ปัญหา ซึ่งจะทำให้ลูกมีความมั่นใจมากขึ้น เป็นการสั่งสมประสบการณ์ของลูก

สอดคล้องกับทฤษฎีการเรียนรู้ที่สนับสนุนแนวคิด Teach Less Learn More ได้แก่ ทฤษฎีคอนสตรัคติซิสต์​(Constructivist) เป็นทฤษฎีที่ให้ความสำคัญกับตัวผู้เรียน เชื่อว่าผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ ได้ด้วยตนเอง จากการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นและสิ่งแวดล้อมอย่างกระตือรือร้น

สิงคโปร์เคยนำแนวทางนี้มาเป็นนโยบายการศึกษาชื่อว่า Teach Less Learn More หรือ TLLM ก็คือ “สอนให้น้อยลง แต่ให้เด็กเรียนรู้ได้มากขึ้น” จนคนสิงคโปร์ยอมรับว่าสิ่งที่ต้องเร่งพัฒนาให้กับเด็กรุ่นใหม่คือความคิดสร้างสรรค์ การคิดนอกกรอบ และทักษะการใช้ชีวิต

แต่สำหรับบ้านเราในที่นี้อยากเน้นที่สถาบันครอบครัว เพราะเกรงว่ากว่าจะมีการปรับเปลี่ยนระดับนโยบายจริงๆ ก็อาจจะสายเสียแล้ว หรือเด็กโตกันหมดซะก่อน 

ประกอบกับที่ผ่านมาผู้ใหญ่ในบ้านเราส่งสัญญาณให้เด็กอย่างผิด ๆ โดยเน้นให้เด็กเร่งรัดเรียนวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือเมื่อเข้าสู่รั้วโรงเรียนก็เป็นคุณครู ซึ่งส่งผลให้เด็กบ้านเราถูกทำให้อ่อนแอลง

ฉะนั้น สิ่งสำคัญสำหรับพ่อแม่คือเรื่องทัศนคติ พยายามห้ามลูกให้น้อยลง แล้วปล่อยให้ลูกได้ลองผิดลองถูก ได้ลงมือทำ ได้คิดและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง โดยมีพ่อแม่คอยให้กำลังใจและชี้แนะเมื่อลูกร้องขอ 

สถานการณ์วันนี้ บังคับให้เด็กต้องเข้าสู่สนามชีวิตจริงเร็วขึ้นแล้ว

โปรดอย่าใช้วิธีคิดแบบจ้องจะสอน แต่ควรสอนให้น้อยลง และปล่อยให้เด็กเรียนรู้ด้วยตัวเองมากขึ้นต่างหาก
กำลังโหลดความคิดเห็น