กทม.ค้นหาและติดตามตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดในกรุงเทพฯ จำนวน 3 ราย พร้อมดำเนินการนำเข้าสถานที่กักกันตัวเรียบร้อยแล้ว เข้มงวดมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่อเนื่อง
วันนี้ (20 ส.ค.) พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากกรณีพบหญิงไทยติดเชื้อโควิด-19 หลังกักตัวครบ 14 วัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 19 ส.ค.นั้น ล่าสุด สำนักอนามัย กทม. ประสานความร่วมมือกับสำนักงานเขต กองระบาดวิทยา และสถาบันควบคุมโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค สธ. ค้นหาและติดตามตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดใน กทม. 3 ราย และดำเนินการนำเข้าสถานที่กักกันเรียบร้อยแล้ว
ขณะเดียวกัน ดำเนินมาตรการเชิงรุก โดยลงพื้นที่คัดกรองกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และเก็บสิ่งส่งตรวจ รวมถึงค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ เพื่อคัดกรองผู้มีอาการผิดปกติร่วมด้วย
พล.ต.ท.โสภณ กล่าวถึงกรณีองค์การอนามัยโลก (WHO) แสดงความกังวล คนหนุ่มสาววัย 20-40 ปี เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แพร่กระจาย เนื่องจากหลายคนเป็นผู้ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว เป็นอันตรายต่อประชากรกลุ่มเสี่ยง ว่า กรุงเทพมหานคร โดยสำนักอนามัย ได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานเขต เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ร่วมกันจัดทีมผู้พิทักษ์ “ไทยชนะ” เข้าตรวจติดตามสถานประกอบการต่างๆ ให้เข้มงวดมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงและสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้น สำนักการแพทย์ กทม. ยังได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาล 4 เหล่าทัพ สมาคมโรงพยาบาลเอกชน กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์ศึกษาแห่งประเทศไทย โดยประชุมหารือร่วมกัน เพื่อเตรียมรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของการบริหารจัดการกรณีเกิดสถานการณ์แพร่ระบาด ปัจจุบันได้เตรียมพร้อมเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วย รวมจำนวนทั้งสิ้น 2,471 เตียง รวมถึงเตรียมพร้อมห้อง ICU ความดันลบ และห้องแยกเดี่ยวความดันลบ และหอผู้ป่วยสำหรับดูแลผู้ป่วย โรคโควิด-19 ด้วย ขณะเดียวกัน ได้บริหารจัดการด้านยา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อรองรับกรณีเกิดการระบาดระลอกใหม่
สำหรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในพื้นที่กรุงเทพฯ จะบริหารจัดการโดยศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) ตลอดจนประสานกับสำนักอนามัยในการสอบสวนและคัดกรองโรค นอกจากนั้น ยังได้กำหนดมาตรการเข้มงวดในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรค โดยให้ส่วนราชการในสังกัด จัดกิจกรรม Big Cleaning ทำความสะอาดอาคารสำนักงาน ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ทุกวันอังคาร ในบริเวณที่ประชาชนสัมผัสร่วมกัน เช่น ราวจับบันไดเลื่อน ปุ่มกดลิฟต์ รถเข็นคนไข้ ห้องน้ำ เก้าอี้ เพื่อเฝ้าระวังเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งได้จัดประชุมโรงพยาบาลหลักทั้ง 9 แห่ง ในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมพร้อมการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในกรณีมีการระบาดระลอก 2 โดยใช้ทีมปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินระดับพื้นฐาน (BLS) และระดับสูง (ALS) ในการนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลที่เหมาะสมต่อไป
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนกรณีพบหญิงไทยติดเชื้อโควิด-19 หลังกักตัวครบ 14 วัน นั้น สำนักอนามัย กทม. ได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานเขต กองระบาดวิทยา และสถาบันควบคุมโรคเขตเมือง ของกรมควบคุมโรค ในการค้นหาและติดตามตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน 3 ราย และดำเนินการนำเข้าสถานที่กักกันเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันได้ดำเนินมาตรการเชิงรุก โดยลงพื้นที่คัดกรองกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และเก็บสิ่งส่งตรวจ รวมถึงค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ เพื่อคัดกรองผู้มีอาการผิดปกติร่วมด้วย