ศบค.ชี้ผับ-บาร์-คาราโอเกะยังทำได้ดี เผยสัปดาห์นี้เตรียมหารือเคาะผ่อนปรนเฟส 6 เล็งปลดล็อกแรงงานต่างด้าว 2 ธุรกิจ กองถ่ายต่างชาติ จัดนิทรรศการ เปิดนักท่องเที่ยวกลุ่มอีลิทการ์ด ย้ำยึดความปลอดภัยคนไทยเป็นหัก ตามด้วยเศรษฐกิจ พร้อมถกต่อไม่ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปัดนำเข้าคนติดเชื้อเพื่อสกัดม็อบ แค่ให้คนไทยได้กลับบ้าน คนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจ ฝากแหม่มโพธิ์ดำเข้าใจเจตนาใหม่
วันนี้ (19 ก.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า กิจการสีแดง โดยเฉพาะกิจการกลางคืน ผับบาร์ คาราโอเกะ จากการเข้าไปตรวจพบว่าให้ความร่วมมือดี เรามีบทเรียนจากเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น มาจากธุรกิจที่เชื่อมโยงกับบันเทิงทำให้ติดเชื้อ แต่ของไทยยังดีมาก ต้องขอบคุณธุรกิจกลุ่มนี้ที่ทำดี และขอให้ทำดีต่อไป และขอบคุณนักเที่ยวที่ให้ความร่วมมืออย่างดีที่ทำให้กิจการเปิดได้ยาวๆ ท่านเองก็ได้เที่ยวยาวๆ เสาร์อาทิตย์ก็ไปสังสรรค์เฮฮาได้โดยที่ไม่ต้องมีการรายงานว่าติดเชื้อ แตกต่างจากทั่วโลกที่มีรายงานไปติดเชื้อตรงนั้น
เมื่อถามว่าจะมีการผ่อนปรนเฟส 6 เมื่อไรอย่างไรบ้าง นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า คณะกรรมการชุดเฉพาะกิจฯ ได้มีการพิจารณา เช่น แรงงานต่างด้าว ในก่อสร้าง ธุรกิจผลิตอาหาร หรือการแสดงสินค้า กองถ่ายภาพยนตร์ นักท่องเที่ยวเฉพาะบางกลุ่ม เช่น อีลิทการ์ด ที่มีกำลังซื้อสูง กลุ่มนี้จะเข้าไปสู่เฟส 6 มีการซักซ้อม มีการประชุมทำรายละเอียดที่มีความรอบด้าน ไม่ใช่แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสนอเข้ามา โดยจะนำเข้า ศบค.ชุดใหญ่ในสัปดาห์นี้
ถามต่อว่าชั่งน้ำหนักอย่างไรระหว่างความปลอดภัยและความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจที่ให้คนต่างชาติเข้ามา นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า เราชัดเจนมาตลอด ยึดถือความปลอดภัยของคนไทยจากการติดโรคเป็นอันดับที่ 1 มาตรการกิจการกิจกรรมต้องปราศจากการติดต่อหรือแพร่ระบาดของโรค กว่าจะคลอดมาตรการจึงต้องใช้เวลา เพราะพิจารณาความปลอดภัยของคนไทยอันดับแรก ตามด้วยผลกระทบด้านเศรษฐกิจ เพราะปากท้องของประชาชนมีความสำคัญสูงมาก ถ้าควบคุมโรคได้ดี ความมั่นใจก็สูง บางประเทศเอาเศรษฐกิจนำ แต่การไม่ระวังการติดเชื้อ ตัวเลขการติดเชื้อก็ทำให้เศรษฐกิจไม่สามารถอยู่ได้อยู่ดี เสียหายไปเหมือนกัน
ถามว่าจะต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือยกเลิก โดยพิจารณาจากปัจจัยอะไรและเมื่อไร นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ก่อนการประชุม ศบค.ชุดใหญ่จะประชุมในชุดเล็ก จะนำข้อมูลรอบด้านและให้คณะกรรมการมาพูดคุย มองทั้งในมุมสาธารณสุข เศรษฐิจ ความมั่นคง และหลายๆ อย่าง รายละเอียดปัจจัยทั้งหลายจะนำมาพิจารณาทั้งหมดในต้นสัปดาห์
ถามว่า มีการร้องเรียนว่าโรงแรม 22 แห่งที่เป็นอัลเทอร์เนทีฟ สเตทควอรันทีน (ASQ) เต็มแล้ว ถ้ามีคนที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศจะอยู่ที่ใด นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สเตทควอรันทีนเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว แต่ถ้าอยากได้ดาวมากกว่านั้นที่เป็น ASQ ของผู้ที่มีศักยภาพจ่ายได้ ตอนนี้จองกันเยอะมาก และเต็มกันไปหลายที่ ก็มีการหารือกันใน ศบค.ชุดเล็ก ตอนนี้ที่เข้ามากันหลายร้อยคน และนักการทูต เจ้าหน้าที่ที่กลับมาปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ความต้องการด้านนี้สูงขึ้น เบื้องต้นจะให้พื้นที่ของสเตท ควอรันทีน (SQ) ที่มีพื้นที่ว่าง ให้กลุ่มนี้มาจ่ายเงินและอยู่ตรงนี้ก่อน และต้องหา ASQ เพิ่มอีกเป็นพันห้อง ซึ่งเป็นโรงแรมระดับสูงบวกกับ รพ.เอกชน โรงแรมไหนที่คิดว่าพร้อมจะมาเป็น ASQ และ SQ เชิญเข้มาสมัคร หรือติดต่อมายัง ศบค. หรือดูข้อมูลใน hsscovid.com
ถามถึงกรณีการนำเสนอข่าวนำคนติดเชื้อโควิด-19 เข้ามาเพื่อสกัดการเคลื่อนไหวทางการเมือง นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า หน้าที่ของตนในด้านการควบคุมโรคคือทำให้ดีที่สุด ให้ประชาชนคนไทยปลอดโรคปลอดภัย การติดเชื้อจากต่างประเทศเกิดขึ้น อย่างตัวเลขที่บอก เราไม่มีเจตนาอะไรอย่างไร สิ่งที่นำเข้ามาคือคนไทย และคนที่เกี่ยวข้องที่ต้องมาปฏิบัติภารกิจในไทย เพื่อให้กิจการกลับมาเป็นปกติ อย่างที่คนไทยอยากเห็น มาตรการ 1-5 ขึ้นมา ระยะผ่อนคลายที่อยากได้เศรษฐกิจกลับมาถึงได้ให้คนต่างชาติเข้ามาบ้าง ตรงนี้เรียนว่าไม่ได้มีเจตนานำเชื้อจากต่างประเทศเข้ามาเติม แต่เป็นมาตรการตามที่เราจะนำคนเข้ามา นำคนเข้ามาก็มีโอกาสคนที่เป็นพาหะมีโรคติดตัวเข้ามา เราต้องการให้คนเข้ามาเพ่อให้กลับบ้าน เพื่อประกอบกิจการที่เป็นประโยชน์ต่อเศราฐกิจ แต่สิ่งที่ต้องใส่เข้าไปคือ SQ เพื่อเป็นด่านหน้าป้องกัน ตอนนี้ทุกอย่างที่เข้ามาอยู่ในระบบที่เราควบคุมได้ ข้อต่อที่หลวม ไม่มีอีกแล้ว
“จากกรณีที่เพจแหม่มโพธิ์ดำ พาดหัวว่าเริ่มแผนแล้ว นำเข้าผู้ติดเชื้อทำให้ระบาดเบาๆ ระบาดรอบ 2 เพื่อต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สกัดม็อบนักศึกษา และมีภาพบอก่ามีไข้สูง 40 คน รายละเอียด 4 เที่ยวบิน พา 600 คนไทย มีไข้สูง 40 คน มีหมายจับ 2 ราย ซึ่งข้อเท็จจริงในรายละเอียดก็ใกล้เคียง เรานำเข้า 4 เที่ยวบิน วันที่ออกข่าวจากอียิปต์ พม่า สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ส่วน PUI ไม่ใช่มีไข้สูง โดยผู้โดยสร 600 คนตรงกัน PUI มีทั้งไอ เสมหะ ไม่ใช่ไข้สูงอย่างเดียว อาจมีไข้ร่วมด้วย ทั้งหมด 43 คน มีหมายจับ 2 คน นี่คือสิ่งที่สื่อออกในความเป็นจริง ทำให้เห็นภาพชุดข้อมูลที่นำมาจากชุดข้อมูลที่เป็นจริง แต่การพาดหัว การนำเข้ามา เราไม่มีเจตนาอย่างที่ว่า เราทำเข้ามาอย่างนี้ ทำมาตลอด และทำมาก่อนหน้านานแล้ว เพื่อให้คนไทยต้องการเดินทางเข้ามา ได้กลับบ้าน เนื้อหาเหมือนกันอยู่ที่การวางพาดหัว หรือเจตนา เจตนาเราคือต้องการนำคนไทยกลับมาทำกิจการกิจกรรม หรือกลับบ้านเท่านั้น ถ้าเข้าใจเจตนานี้ ฝากท่านเข้าใจ ถ้ามีโอกาสแก้ไขก็จะเป็นพระคุณเพื่อให้เข้าใจขึ้นมา เพราะสื่อมีความสำคัญในการชี้นำความเข้าใจ ความรู้ประชาชนอย่างดี” นพ.ทวีศิลป์กล่าว