เมื่อเอ่ยชื่อ ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ผู้เขียนนึกถึงผู้หญิงที่สวย เก่ง แกร่ง แต่ใครเลยจะรู้ว่า ผู้หญิงคนนี้รู้สึกค้างคาในใจกับคำว่า ‘สวยแต่โง่’คำที่ควรเป็นคำต้องห้าม และไม่ควรมีผู้หญิงคนไหนบนโลกคู่ควรกับคำชมผสมเหยียดเช่นนี้ เพราะมัน ‘ไม่ตลก’
พิสูจน์ตัวเองกับคำว่า ‘สวยแต่โง่’
ดูเหมือนในยุคสมัยหนึ่งความสวยเป็นดาบสองคมที่มีไว้แทงใจคนฟังโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนางสาวไทยที่ชื่อว่า บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี คำนี้ถือเป็นคำต้องห้ามและใครจะมากล่าวพาดพิงด้วยประโยคนี้ไม่ได้
“ประมาณ 20 ปีที่แล้วนางงามสมัยนั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับ คำว่าสวยแต่โง่ถูกใช้อยู่ในสังคมไทย อาจเป็นเพราะในยุคนั้นนางงามยังไม่นิยมเรียนสูงมากนักจึงทำให้เกิดคำนี้ขึ้นมา ซึ่งจริง ๆ แล้วสติปัญญาของคนเราไม่ควรนำมาผูกกับเรื่องหน้าตาเลยสักนิด
แล้วอาจเป็นด้วยปัจจัยใดๆ ก็ตามที่ทำให้นางงามในสมัยนั้นตอบคำถามที่มีลักษณะเป็นรูปแบบเดียวกัน อาทิคุณมั่นใจกี่เปอร์เซ็นต์ว่าจะได้เป็นนางงาม ส่วนใหญ่ก็ตอบว่า 50:50 ค่ะ หรือบางคนตอบว่า มาหาเพื่อนค่ะ ขณะที่ปนัดดาตอบว่า มั่นใจ 100% ค่ะจนทำให้เกิดความรู้สึกกับคนดูว่าผู้สมัครคนนี้มั่นอกมั่นใจอะไรขนาดนั้น
แต่สำหรับบุ๋มแล้วคิดอยู่อย่างเดียวคือด้วยคุณสมบัติของเราด้วย ความรู้ของเราเมื่อเราก้าวขึ้นบนเวทีเราก็ต้องมั่นใจเต็ม 100 ว่าเราสามารถทำหน้าที่ตรงนี้ได้อย่างแน่นอน
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็จะตอบคำถามแบบนั้น ใคร ๆ อาจมองว่าแรงแต่บุ๋มกลับภูมิใจที่เรามีกึ๋นในการตอบคำถาม คำว่าสวยแต่โง่ใช้กับ บุ๋ม ปนัดดา ไม่ได้ในทุกกรณี” ดร. ปนัดดา ย้อนเล่าให้ฟังอย่างออกรส
บทบาทใหม่ที่ใคร ๆ ก็ยอมรับว่า ‘เก่งจริง’
นอกจากบทบาทนางงามและนักแสดงมากความสามารถ ดร.ปนัดดายังสวมบทบาทสำคัญที่ช่วยผลักดันสังคมไทยอีกด้วย
หนึ่ง คือ อาจารย์
สอง คือ ประธานองค์กรทำดี
และสาม คือ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร
“เมื่อเรามีทุกอย่างครบ เราก็ต้องหาเวลาคืนสิ่งดี ๆ สู่สังคม บทบาทใหม่ที่ได้รับจะช่วยขับเคลื่อนครอบครัว ชุมชน และสังคม อีกสิ่งที่บุ๋มคิดว่าจะสามารถขับเคลื่อนสังคมไทยแน่ ๆ ก็คือ ระบบการศึกษา เพราะระบบการศึกษาที่ดีจะช่วยพัฒนาบุคลากรของประเทศได้นอกจากช่วยให้ความรู้กับคน ให้อาชีพกับคน เหนืออื่นใด การศึกษายังสามารถช่วยยกระดับจิตใจของคนได้ด้วย” ดร. ปนัดดา กล่าว
ชอบที่จะสอนจึงต่อยอดสู่การเป็น ‘อาจารย์บุ๋ม’
“บุ๋มเองมีความคิดมาตลอดว่าอยากเป็นอาจารย์ อยากสอนคนหลาย ๆ คนอาจไม่รู้ว่า บุ๋ม ปนัดดา ชอบสอนหนังสือที่สุดเพราะเราเชื่อว่าการศึกษาคือสิ่งจำเป็น
ปริญญาตรี เหมือนคุณเรียนเกี่ยวกับนิ้วมือ 5 นิ้ว
ปริญญาโท คล้ายกับคุณเรียนเรื่องมือ 1 ข้างว่ามีกล้ามเนื้ออะไร เส้นเลือดต่างๆ เรียกว่าอะไร วิธีจับใช้กระบวนการไหน
ปริญญาเอก คุณเรียนเชิงลึกเลือกเลยว่าจะเรียนรู้เรื่องนิ้วนางเท่านั้น รู้รอบเรื่องนิ้วนางที่สุด
ฉะนั้น ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ต่างก็มีความสำคัญแตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้ก็คือการศึกษาจะช่วยให้คนเราเกิดการพัฒนาในหลาย ๆ ด้าน อาทิ ได้ความรู้ ได้สังคม มีโอกาสเจอเพื่อนใหม่ เปิดมุมมองทางความคิดและอย่างที่บอกไปข้างต้น เมื่อตัวเราพัฒนา ชุมชนพัฒนา สังคมพัฒนา แล้วสุดท้ายสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ก็ช่วยขับเคลื่อนประเทศของเราให้เจริญรุ่งเรืองได้ ”ดร.ปนัดดา กล่าวเกี่ยวกับการศึกษาไว้อย่างน่าสนใจ
ในชีวิตคนหนึ่งคนคงมีโอกาสไม่มากนักที่จะได้ทำตามฝัน แต่สิ่งหนึ่งที่การันตีได้ก็คือ หากคุณมีความมุ่งมั่น ทุก ๆ ฝันของคุณจะเป็นจริง…ดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ได้พิสูจน์แล้ว
(advertorial)