รองปลัด สธ.แจงตรวจสอบ ผอ.รพ.ขอนแก่น ตามบัตรสนเท่ห์ พบทำผิดระเบียบ ป.ป.ช.รับเงินบริจาคบริษัทยาตามจำนวนจัดซื้อยา เตรียมตั้ง กก.สอบวินัยร้ายแรง มี “หมอสุเทพ” เป็นประธาน ยันไม่เกี่ยวปมเรื่องโยกย้ายตั้งแต่ปี 61 “หมอชาญชัย” ยันไม่ได้ทำการทุจริต พร้อมให้ข้อมูล กก.ทั้งหมด
จากกรณี นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและให้มีการโยกย้ายออกจากพื้นที่ ภายหลังเมื่อปลายปี 2562 มีการส่งบัตรสนเท่ห์ร้องเรียนถึงกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า นพ.ชาญชัยมีพฤติการณ์เรียกรับเงิน 5% จากบริษัทยา เข้ากองทุน รพ.ขอนแก่น จนบุคลากรทางการแพทย์ รพ.ขอนแก่น ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมว่าเป็นเรื่องเท็จ ถูกกลั่นแกล้งให้ออกจากพื้นที่ ซึ่ง นพ.ชาญชัยเคยถูกคำสั่งโยกย้ายเมื่อปี 2561 และมีการแต่งตั้งคนของบิ๊กกระทรวงมารับตำแหน่งแทน แต่ภายหลังถูกต่อต้านจนต้องโยกย้ายกลับคืน ขณะที่เจ้าตัวขอให้เปลี่ยนคณะกรรมการสอบใหม่ให้มีความเป็นธรรม
วันนี้ (29 พ.ค.) นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ปลายปี 2562 มีผู้ร้องเรียนไม่ได้ลงนาม ส่งเรื่องพร้อมหลักฐานมาที่ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต ศูนย์ฯ จึงพิจารณาและมอบให้กลุ่มเสริมสร้างและระบบคุณธรรมทำการตรวจสอบตามระบบปกติ โดยปลาย ต.ค.กลุ่มเสริมสร้างวินัยฯ ตรวจพบว่ามีบางประเด็นที่มีหลักฐานเชื่อได้ว่า รพ.ขอนแก่น ทำไม่ถูกต้องในเชิงหลักการที่ถือปฏิบัติมาตลอด โดยพบว่า มี.ค.รับเงิน 1.5 ล้านบาท และยังรับอีก 2-3 เดือน ในจำนวนเงินต่างกัน ซึ่งจำนวนเงินจะขึ้นกับจำนวนการสั่งซื้อยา แม้จะบอกว่าเป็นการบริจาค แต่เมื่อขึ้นกับจำนวนการซื้อยา และแม้จะนำเข้ากองทุนของ รพ.ก็ถือเป็นประโยชน์ต่างตอบแทน
“ขั้นตอนต่อไปในการตรวจสอบวินัยร้ายแรงต้องดูว่าทุจริตหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่ทุจริต แต่ถูกสงสัยว่าอาจกระทำผิดระเบียบในเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทนด้วย ดังนั้น หลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงที่มี นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการ สธ.เขต 6 สอบด้วย” นพ.ยงยศกล่าว
นพ.อภิชาติ รอดสม สาธารณสุขนิเทศก์เขตสุขภาพที่ 6 กล่าวว่า ตนเป็นกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตั้งแต่ปลาย ต.ค. 2562 ตามกฎ ก.พ.ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2556 ข้อ 4 (1) (2) ว่า หากการร้องเรียนเป็นบัตรสนเท่ห์ที่ไม่มีการลงชื่อ แต่มีข้อมูลที่เชื่อถือได้ และเป็นเบาะแสได้นั้น ก็ต้องตรวจสอบ และทางคณะกรรมการสอบสวนก็มีการสอบพยานประมาณ 11 ปาก เอกสารไม่ต่ำกว่า 18 ชุด พบว่ามีมูลหลักฐานความผิดของกฎหมาย ป.ป.ช. คือ การรับเงินเข้าสู่กองทุน รพ. ซึ่งก็ถือว่าขัดต่อกฎหมาย ป.ป.ช. และมีการรับทราบในการลงรับเรื่องมาตลอด
น.ส.ยุพิน ตันวิสุทธิ ผอ.กลุ่มเสริมสร้างวินัยและระบบคุณธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่กฎหมาย ป.ป.ช.โดยตรง แต่ ป.ป.ช.มีข้อเสนอให้ ครม.ให้ความเห็นชอบว่า ต่อไปนี้ส่วนราชการจะรับเงินเปอร์เซ็นต์ยาไม่ได้ หากมีกรณีเช่นนี้อีกให้ถือว่า ผู้ฝ่าฝืนทำความผิดวินัย ซึ่งจะเข้าเรื่องไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบราชการ จึงเป็นได้ทั้งวินัยร้ายแรงและไม่ร้ายแรง ขัดต่อมติ ครม.ที่ ป.ป.ช.เสนอเรื่องนี้ ทั้งนี้ การสอบจากบัตรสนเท่ห์ทำได้ หากชี้เบาะแสทำให้ตรวจสอบต่อไปได้ จำเป็นต้องตรวจสอบ ส่วนผู้ถูกสอบหากมีพฤติกรรมกีดขวางการสอบสวน กรรมการสอบสามารถย้ายออกนอกพื้นที่ได้ การสอบใช้วินัยร้ายแรงเวลาไม่เกิน 180 วัน แต่หากมีเหตุจำเป็นขยายเวลาได้ แต่ไม่ควรเกินทั้งหมด 270 วัน
เมื่อถามว่ากรณีที่เกิดขึ้นเกิดคำถามว่าต้องการโยกย้าย ผอ.รพ.ขอนแก่น นพ.ยงยศกล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการทำตามหนังสือร้องเรียน พร้อมหลักฐาน ซึ่งมีการตรวจสอบตามหนังสือทั้งหมด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการโยกย้ายข้าราชการแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม การสอบสวนตามบัตรสนเท่ห์นั้น ปกติมีมากกว่ามีการลงชื่อ เพราะต้องเข้าใจว่า อำนาจของผู้ถูกร้องมีมากกว่าผู้ร้อง จึงไม่ลงชื่อกัน
เมื่อถามต่อว่าบุคลากรในพื้นที่ร้องเรียนผู้ว่าฯ ขอนแก่น เพราะมีข้อสงสัยในกระบวนการสอบสวนที่ไม่ครอบคลุมรอบด้าน นพ.ยงยศกล่าวว่า ระยะเวลาหลายเดือนมาก และได้ให้โอกาสนพ.ชาญชัยได้ชี้แจง แต่ นพ.ชาญชัยขอไม่มาชี้แจงด้วยตัวเอง แต่ขอชี้แจงทางเอกสาร และกรรมการยังให้เวลาเกือบ 2 เดือนเต็มที่ให้ผู้ถูกกล่าวหาในการมาชี้แจง ส่วนเรื่องพยานหลักฐานจะอยู่ที่ดุลพินิจของคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงว่าสืบเพียงพอหรือยัง เพราะที่ผ่านมาเป็นเพียงการสอบเบื้องต้น เมื่อมีการตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงแล้วจะมีการสอบพยานให้ครบถ้วนอีกครั้ง
นพ.ชาญชัยกล่าวว่า ตนพร้อมให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการทั้งหมด ยืนยันว่าไม่ได้มีการกระทำใดๆที่ไปในทางทุจริต โดยหลังจาก สธ.มีหนังสือให้ปฏิบัติตามข้อสั่งการด้านการเงินดังกล่าวตั้งแต่ช่วง มี.ค. 2561 ตนได้ทำหนังสือเวียนให้รองบริหารของทาง รพ.ขอนแก่น และได้เรียกประชุมเมื่อช่วงปลายเดือน มี.ค.โดยให้ทุกฝ่ายถือปฏิบัติ
เมื่อถามถึงข้อกล่าวหารับเงินบริจาคจากบริษัทยา นพ.ชาญชัยกล่าวว่า ทางการเงินได้รวบรวมส่งให้ฝ่ายบัญชี และฝ่ายบัญชีส่งให้รองบริหาร และมีตนในฐานะ ผอ.รพ.ลงนามเกี่ยวกับเงินบริจาค ซึ่งเงินบริจาคเป็นเงินที่เปิดให้ประชาชนสามารถบริจาคเข้ากองทุนพัฒนา รพ.ขอนแก่น โดยจำนวนเงินบริจาคไม่ได้มีการแจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับรายชื่อผู้บริจาคส่งขึ้นมา คาดว่าที่เป็นเช่นนั้นน่าจะอยู่ที่กำลังปรับระบบอยู่ อย่างไรก็ตาม ตนขอยืนยันพร้อมให้ข้อมูลคณะกรรมการทั้งหมด