รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมความพร้อมในการจัดการเรียนรู้ตามแนวทาง 4 On ของ ร.ร.วัดมหรรณพารามฯ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
วันนี้ (28 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. นายเกรียงยศ สุดลาภา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายขจิต ชัชวานิชย์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมความพร้อมในการจัดการเรียนรู้ของสถานศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ณ โรงเรียนวัดมหรรณพาราม ในพระราชูปถัมภ์ฯ เขตพระนคร โดยมี ผู้บริหารสำนักการศึกษา ผู้บริหารเขตพระนคร ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ พร้อมรายงานผลการดำเนินการ จากนั้น รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคณะ ได้รับชมวิธีการเรียนการสอนทั้งในห้องเรียนและบ้านของนักเรียนด้วย
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพบว่าโรงเรียนวัดมหรรณพารามฯ เป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่มีคุณภาพ มีความพร้อม 100% ในการจัดการเรียนรู้ตามแนวทาง 4 On ที่กรุงเทพมหานครกำหนดไว้ ประกอบด้วย 1. Online คือการสอนสดผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งครูสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับนักเรียนได้ โดยทางโรงเรียนใช้แอปพลิเคชัน Zoom สอนแบบเรียลไทม์ สอนผ่านคลิปวิดีโอ และนักเรียนจะมีห้องเรียน Online ทุกชั้นเรียน วิธีนี้ใช้สำหรับนักเรียนที่มีความพร้อมทั้งอุปกรณ์ และผู้ปกครองคอยช่วยเหลือสนับสนุน โดยจะมีตารางเรียนออนไลน์ที่โรงเรียนจัดไว้และแจ้งให้นักเรียนทราบ ทั้งนี้ เพื่อให้การสอนทางออนไลน์มีความเสถียร กรุงเทพมหานครได้มีการประสานไปยังผู้ประกอบการอินเทอร์เน็ตให้เพิ่มสัญญาณความแรงอินเทอร์เน็ตให้กับโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครทั้ง 437 โรงเรียน ซึ่งทางผู้ประกอบการได้ดำเนินการให้อย่างครบถ้วนทุกโรงเรียนแล้ว 2. On Air โดยใช้สื่อ DLTV โรงเรียนจะประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปกครองรับทราบวิธีการ และตารางการเรียนทุกห้องเรียนผ่านเฟซบุ๊กกลุ่มปิดของแต่ละชั้นเรียน ซึ่งเริ่มทดลองออกอากาศเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา และโรงเรียนก็ได้จัดทำแบบสำรวจการเรียนผ่าน DLTV ไว้แล้ว 3.On Hand คือการที่ครูจัดทำเอกสาร ใบงาน แบบฝึกหัด คู่มือ และชุดกิจกรรมต่างๆ ไว้สอนนักเรียน โดยจัดทำให้เข้าใจง่าย พร้อมมีคู่มือแนะนำว่านักเรียนและผู้ปกครองต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งโรงเรียนจะมีการจัดส่งเอกสารต่างๆ ให้แก่นักเรียนถึงบ้าน และ 4. On Site จะเป็นการจัดการเรียนการสอนให้นักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ โดยจะมีการนัดหมายเป็นระยะ เพื่อให้ครูมาสอนเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งอาจจะเป็นการจัดกลุ่มนักเรียนขนาดเล็กที่โรงเรียน หรือให้ครูไปสอนนักเรียนที่บ้าน ภายใต้มาตรการที่ ศบค.กทม. กำหนด โดยใช้เครื่องมือแบบ On Hand เป็นสื่อการสอนด้วย โดยจะมีการติดตามผลจากครูเป็นระยะ และโรงเรียนจะต้องรายงานผลให้สำนักการศึกษาทราบทุกสัปดาห์ทาง Google Form
สำหรับภาพรวมของนักเรียนโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร พบว่า มีความพร้อมในการเรียนการสอนแบบ Online ประมาณ 60% ส่วนนักเรียนที่ยังไม่พร้อม กรุงเทพมหานครได้ทราบถึงปัญหาและมีความพร้อม 100% ในการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการอื่นๆ เข้ามาเสริม ได้แก่ On Air On Hand และ On Site เพื่อให้ครอบคลุมนักเรียนทุกคน ด้านความพร้อมของตัวเด็กนักเรียนนั้น การจะให้เด็กนั่งเรียนผ่านออนไลน์ ผ่านโทรทัศน์ หรือทำแบบฝึกหัดต่างๆ ที่บ้าน จะต้องขอความร่วมมือทางผู้ปกครองในการแนะนำถึงเหตุผล ความสำคัญ และความจำเป็นในการเรียนรูปแบบใหม่เหล่านี้ด้วย ซึ่งวิธีการดังกล่าวนี้จะใช้เพียงชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายเท่านั้น ทั้งนี้ ในวันที่ 1 ก.ค. 63 จะมีการเปิดการเรียนการสอนอย่างเป็นทางการ กรุงเทพมหานครมีความห่วงใยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงได้ผสมผสานวิธีการเรียนในรูปแบบ 4 On ควบคู่กับการเข้มงวดมาตรการด้านความปลอดภัยในการเรียนที่โรงเรียน อาทิ การตั้งจุดคัดกรอง โดยการวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าโรงเรียน นักเรียนทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัย และมีหน้ากากอนามัยสำรองคนละ 1 ชิ้น ใช้มาตรการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างเคร่งครัด โดยครูจะคอยเน้นย้ำให้นักเรียนปฏิบัติตาม ไม่อนุญาตให้ผู้ปกครองเข้ามาในโรงเรียน ยกเว้นกรณีจำเป็น ทั้งนี้ กรณีที่นักเรียนที่มีไข้เกิน 37.5 องศาเซลเซียส หรือสงสัยว่าเสี่ยงโรค โรงเรียนจะแยกนักเรียนออกจากกลุ่มทันที เพื่อไปพักที่ห้องพยาบาล และติดต่อผู้ปกครองให้มารับกลับบ้าน พร้อมแนะนำให้ไปพบแพทย์ หรือศูนย์สาธารณสุขในเขตบริการของโรงเรียน ซึ่งทางโรงเรียนจะให้หมายเลขโทรศัพท์ของหน่วยงานดังกล่าวไว้ สำหรับนักเรียนที่ผ่านการวัดไข้ จะมีการติดสติกเกอร์ มีการเน้นย้ำให้นักเรียนล้างมือบ่อยๆ โดยให้มีแอลกอฮอล์ล้างมือส่วนตัวทุกคน และโรงเรียนจะมีสำรองไว้ตามจุดต่างๆ ของโรงเรียนด้วยเช่นกัน กรณีนักเรียนขาดเรียน ครูประจำชั้นจะติดตามสาเหตุการขาดเรียนจากผู้ปกครอง นอกจากนี้ อาจจะให้มีการเหลื่อมเวลาในการเรียนที่โรงเรียน โดยแบ่งเป็นรอบเช้าและบ่าย หรือเพิ่มรอบการเรียนวันเสาร์หากเรียนไม่ทันตามหลักสูตร เพื่อให้ผู้ปกครองมั่นใจว่านักเรียนได้รับการเรียนตามหลักสูตรอย่างเต็มที่เหมือนการเรียนในภาวะปกติ