xs
xsm
sm
md
lg

เปิด 6 วิถีชีวิตใหม่ “นางฟ้าชุดขาว” แม้หมดโควิดต้องทำต่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กองพยาบาลเปิด 6 วิถีชีวิตใหม่ “นางฟ้าชุดขาว” ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาทำงาน เปลี่ยนทุก 8 ชั่วโมง หรือเมื่อเปียก ล้างมือบ่อยๆ พกเจลแอลกอฮอล์ อาบน้ำ เปลี่ยนชุดก่อนกลับบ้าน ไม่ใส่ชุดพยาบาลกลับบ้าน หรือไปที่สาธารณะ เผยเป็นเรื่องที่ทำมานานแล้ว แต่อาจทำเพียง 70-80% จากนี้ต้องทำได้ 100% แม้จะหมดโควิดก็ต้องทำต่อ ด้านพยาบาลบำราศฯ เปิดแนวทางดูแลผู้ป่วย ยึดหลักไม่แพร่เชื้อ เผยไม่มีพยาบาลติดโควิด


วันนี้ (12 พ.ค.) นางศิริมา ลีละวงศ์ ผู้อำนวยการกองการพยาบาล สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า วันที่ 12 พ.ค.เป็นวันพยาบาลสากล ทั้งนี้ ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ของพยาบาลที่ควรดำเนินการมี 6 ประการ คือ 1. การปฏิบัติงานต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และเปลี่ยนทุก 8 ชั่วโมง หรือมีความชุ่มเปียก เช่น เหงื่อ หรือน้ำมูกตัวเอง ซึ่งการกำหนด 8 ชั่วโมงเป็นการกำหนดตามเวลาในการเข้าเวรของพยาบาล และเคยศึกษาว่าการใส่ประมาณ 8 ชั่วโมงจะไม่มีเชื้อโรคเกิดขึ้นกับตัวพยาบาล 2. ล้างมือบ่อยๆ ก่อนและหลังให้บริการทุกอย่าง และการให้หัตถการต่างๆ 3. อาบน้ำสระผมก่อนกลับบ้าน หรือไปถึงบ้านแล้วอาบน้ำทันที ก่อนที่จะสัมผัสกับบุคคลอื่นในบ้าน 4. เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนกลับบ้าน ไม่ใส่ชุดพยาบาลกลับบ้าน 5. พกแอลกอฮอล์เจลล้างมือ หรือสเปรย์แอลกอฮอล์ติดตัวตลอดเวลาเพื่อการใช้ทันท่วงที และ 6. ไม่ใส่ชุดพยาบาลไปพื้นที่สาธารณะ เพราะอาจแพร่กระจายเชื้อ ยกเว้นแต่ตอนใส่มาทำงาน

“จริงๆ วิถีชีวิตใหม่นี้ของพยาบาลก็เป็นสิ่งที่พยาบาลปฏิบัติกันอยู่แล้ว แต่ยังไม่เคยมีโรคไหนเข้ามารุนแรงขนาดนี้ ขนาดซาร์สก็ยังไม่ถึงขนาดนี้ที่ต้องเฝ้าระวัง แต่โควิด-19 ระบาดได้เร็วกว่า ทำให้เราต้องหันกลับมามองชีวิตการทำงานของเราว่าต้องระวังตัวมากขึ้น เพราะต่อไปเชื้อโรคน่าจะรุนแรงมากกว่านี้ขึ้นอีกหลายเท่า ซึ่งหากเทียบก็อาจปฏิบัติได้ประมาณ 70-80% แต่การล้างมือนี่ทำ 100% แต่จะเสียเวลาที่ต้องไปอ่างล้างมือ ที่เป็นของใหม่จริงๆ ก็คือ การให้พกเจลแอลกอฮอล์หรือสเปรย์แอลกอฮอล์ จะได้ไม่ต้องเดินไปเดินกลับ ซึ่งการที่เราหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดให้เป็นชีวิตวิถีใหม่ของพยาบาลอีกรอบ ก็เพื่อเน้นย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า การบริการแก่ประชาชนมีความปลอดภัย” นางศิริมา กล่าว


นางศิริมา กล่าวว่า ช่วงการระบาดโควิดที่ผ่านมา คนไทยเราปฏิบัติตามมาตรการเคร่งครัด กินร้อน ช้อนกลางส่วนตัว ล้างมือ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ทำให้โรคประจำถิ่นหลายโรคลดน้อยลง เช่น ไข้หวัด การผ่านพ้นวิกฤตด้วยกันต้องเกิดความร่วมมือคนไทย แม้จะมีระยะผ่อนปรน ก็ต้องปฏิบัติวิถีใหม่ด้วยความเคร่งครัด ล้างมือบ่อยๆ สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างให้ดี อย่าไปในพื้นที่ห้ามเข้า หรือที่มีคนชุมนุมเยอะๆ เพื่อผ่านวิกฤตไปด้วยกัน สร้างชีวิตใหม่ร่วมกัน

นางศิริมา ยังกล่าวอีกว่า สำหรับการติดเชื้อโควิดของพยาบาลนั้น พบว่า บุคลากรทางการแพทย์มีติดเชื้อ 103 ราย โดย 40% เป็นพยาบาล จำนวนนี้มากกว่า 50% ติดเชื้อจากงานบริการพยาบาล สาเหตุหนึ่งมาจากผู้รับบริการไม่ได้เปิดเผยข้อมูลที่มีปัจจัยเสี่ยง ทำให้เบื้องต้นตอนแรกมีพยาบาลติดเชื้อจากผู้ป่วย ส่วนอีกเกือบ 50% มาจากสัมผัสผู้ติดเชื้อเองคือพยาบาลหรือบุคลากรกันเอง


นางสุทธิพร เทรูยา รองผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาล สถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า ที่ผ่านมา เรามีการเตรียมพร้อมร่างกายและจิตใจพยาบาลมาโดยตลอดในการต้องดูแลโรคติดต่อ ส่วนการทำงานดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ของสถาบันฯ จะเน้น 2 หลัก คือ ผู้ป่วยปลอดภัย และพยาบาลปลอดภัย ในการไม่ให้เชื้อมีการปนเปื้อนหรือติดต่อสู่ผู้ป่วยรายอื่น ตัวพยาบาล ติดต่อสู่คนอื่นหรือติดต่อไปสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก เป็นหัวใจการทำงานของโรคติดต่อ สำหรับระยะแรกเป็นผู้ป่วยที่มาจากต่างประเทศ และยังไม่รู้ว่าเป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงแค่ไหน จึงมีการเตรียมป้องกันระดับสูงสุด ทั้งทีมที่ออกไปรับตัว ทีมที่วอร์ด เมื่อผู้ป่วยมาถึงก็พาไปตามเส้นทางพิเศษเพื่อไปยังตึกและห้องที่ใช้ดูแล ปัญหาที่พบในช่วงแรกจะเป็นเรื่องของผู้ป่วยเป็นชาวต่างชาติ ต้องนอน รพ.นาน ก็มีปัญหาเรื่องการสื่อสารที่ต้องใช้ล่ามเข้ามาช่วย

นางสุทธิพร กล่าวว่า พยาบาลต้องเตรียมการซักซ้อมการแต่งชุดอุปกรณ์ป้องกันร่างกายเข้าไปดูแลผู้ป่วย การใส่อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย จะใส่ตามความจำเป็นและกิจกรรมในการดูแลพยาบาลผู้ป่วย สำคัญที่สุด คือ การล้างมือก่อนเข้าและหลังถอดอุปกรณ์ ซึ่งอุปกรณ์เรามีให้พร้อมหมด เราเตรียมการตั้งแต่ทราบเคสแรก คำนวณ 1 วันใช้อุปกรณ์เท่าไร เมื่อระบาดมากขึ้นเราคำนวณ 3 เดือน ต้องหัดใส่ถอดถูกวิธี เพื่อไม่ให้เชื้อโรคที่ปนเปื้อนไม่ออกมาสูสิ่งแวดล้อมภายนอกหรือติดพยาบาลเอง ส่วนการดูแลผู้ป่วยนอก เข้ามาจำนวนมากเมื่อกลางเดือน มี.ค. ต้องปรับแผนดูแล ซึ่งพยาบาลเรามีประมาณ 202 คน เราจะแบ่งกลุ่มการดูแล ทั้งในส่วนของผู้มารับบริการที่ไม่เกี่ยวกับโควิด กลุ่มเสี่ยงโควิดก็จะนำไปแยกตรวจคลินิกต่างหาก กลุ่มไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง และกลุ่มพยาบาลที่ดูแลตามวอร์ดผู้ป่วยใน ซึ่งเราจะไม่มีการให้มาทำงานข้ามส่วนกัน โดยทำส่วนไหนก็ให้ทำส่วนนั้น สำหรับสถาบันบำราศนราดูร รับผู้ป่วยโควิด 214 ราย หายกลับบ้าน 210 ราย ตาย 4 ราย บุคลากรเราไม่มีการติดเชื้อ เพราะมีการบริหารจัดการที่ดี เราให้บุคลากรอาบน้ำเปลี่นชุดก่อนกลับ ชุดพยาบาลที่ใส่ก็จะซักใน รพ.เลย


กำลังโหลดความคิดเห็น