สธ.เลื่อนรณรงค์ฉีดวัคซีน “ไข้หวัดใหญ่” เร็วขึ้น เริ่มตั้งแต่ 1 พ.ค.- 31 ส.ค. จากเดิมเริ่ม มิ.ย. ให้แก่คน 7 กลุ่มเสี่ยง รวม 4.11 ล้านโดส บุคลากรทางการแพทย์ 4.1 แสนโดส ลดป่วยรุนแรง ลดเสียชีวิตจากหวัดใหญ่ “อนุทิน” มอบวัคซีนไข้หวัดใหญ่ รพ.รามาธิบดี 5 พันโดส เผยมอบงบหนุนวิจัยวัคซีนโควิดก้อนใหม่แล้ว
วันนี้ (8 พ.ค.) ที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานมอบวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ชนิด 4 สายพันธุ์สำหรับบุคลากรการแพทย์ รพ.รามาธิบดี จำนวน 5,000 โดส โดยมี ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นตัวแทนรับมอบ
นายอนุทิน กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่ สธ.จัดหาวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิด 4 สายพันธุ์ ให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยง จำนวน 4.11 ล้านโดส บุคลากรทางการแพทย์ จำนวน 4.1 แสนโดส และเลื่อนการรณรงค์ให้เร็วขึ้นเป็นวันที่ 1 พ.ค.- 31 ส.ค. 2563 จากเดิมที่จะเริ่มฉีดวัคซีนใน มิ.ย. เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคทันต่อสถานการณ์โรคโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ ลดการป่วย ลดความรุนแรง ลดการเสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่
“กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญในการดูแลสุขภาพประชาชนและมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในขณะปฏิบัติงานได้ทุกสายพันธุ์ หากบุคลากรเจ็บป่วยจะเกิดผลกระทบกับการให้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่อาจมีการระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา ทุกคนได้ร่วมกันทำงานอย่างหนัก ห้องปฏิบัติการตรวจตัวอย่างจากผู้ป่วยนับหมื่นๆ ราย ส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยและรักษาพยาบาลอย่างดี” นายอนุทิน กล่าว
ทั้งนี้ สธ.ได้ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) รณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 4.11 ล้านโดส ให้กับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1. หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 2. เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี 3. ผู้มีโรคเรื้อรัง (ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ในระหว่างได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน) 4. บุคคลอายุ 65 ปีขึ้นไป 5. ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ 6. โรคธาลัสซีเมียและผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ และ 7. ผู้ที่เป็นโรคอ้วน
นายอนุทิน กล่าวว่า สำหรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ประเทศไทยพยายามหาทางผลิตเอง รวมไปถึงความร่วมมือกับชาติต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนไทยเข้าถึงวัคซีนอย่างรวดเร็ว ซึ่งทางผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ขอให้รัฐบาลเชื่อมั่นในความสามารถของนักวิจัย และทีมงานของประเทศไทย ได้ฟังก็ชื่นใจ ล่าสุด ได้มอบงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนการค้นคว้าวิจัยวัคซีนแล้ว แต่ในวันที่ยังไม่มีวัคซีน เราได้พิสูจน์แล้วว่า วินัยของคนไทย ทำให้เราสามารถควบคุมการระบาดได้ ขอให้รักษาวินัยเช่นนี้ต่อไป เว้นระยะห่างจากคนรอบข้าง แยกผู้สูงอายุ ออกจากชุมนุมชน อีกอย่างคือการมีกฎหมายที่เข้มงวด แต่เราไม่สามารถอยู่กับกฎหมายแบบนี้ตลอดไปได้ เพราะกระทบกับชีวิตประชาชน ส่งผลต่อการประกอบอาชีพ ดังนั้น ในอนาคต จะมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เมื่อถึงเวลานั้น คนไทย ต้องเคร่งครัดกับการใช้ชีวิต