สธ.ยันเคสสาวชัยภูมิไม่ได้ติด “โควิด” ซ้ำ เป็นเพียงซากเชื้อ เหตุไม่มีอาการป่วย ส่วนกรณีเชียงรายพบปอดอักเสบ อยู่ระหว่างวินิจฉัยเกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนา หรือติดเชื้อแบคทีเรีย ซ้ำเติม ชี้ เป็นโรคใหม่ยังต้องศึกษาข้อมูล โดยเฉพาะภูมิคุ้มกันระดับใดถึงป้องกันตนเองไม่ให้ติดซ้ำได้ ห่วงคนเริ่มออกมาบนถนนมากขึ้น ย้ำ รักษามาตรการลดแพร่เชื้อ
วันนี้ (21 เม.ย.) นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีข้อสงสัยการป่วยติดโควิด-19 ซ้ำ ทั้งกรณีเคสที่ จ.เชียงราย และ จ.ชัยภูมิ ว่า มาตรฐานการรักษาโรคนี้ หากเป็นคนไข้อาการน้อย หรือไม่รุนแรง เมื่อรักษานอน รพ. 2 สัปดาห์ หรือ 14 วัน ก็ให้กลับบ้าน หากไม่มีภาวะปอดอักเสบ ส่วนใน กทม.อาจอยู่ 7 วัน และให้ไปอยู่ที่ Hospitel อีก 7 วัน ซึ่งกลับบ้านแล้วก็ยังอยู่ในการติดตามดูแลของแพทย์ เพราะยังต้องแยกตัวจากคนอื่นต่อเนื่องให้ครบ 30 วัน นับจากวันที่มีอาการ กรณีรายที่ จ.ชัยภูมิ อยู่ในห้วงระยะเวลากลับบ้าน 30 วัน ที่ต้องแยกตัวเอง เพราะฉะนั้นการที่ป่วยอีกครั้งโดยไม่มีอาการของไข้ แต่ตรวจเชื้อแล้วยังเป็นบวก ถือว่าเป็นการตรวจเจอซากของเชื้อ โดยผู้ป่วยไม่มีอาการอะไร
นพ.อนุพงศ์ กล่าวว่า ส่วนรายที่ จ.เชียงราย ยังอยู่ในช่วงเวลา 30 วันเช่นกัน แต่ที่ต่างคือ กลับมาอีกครั้งด้วยอาการไข้สูง และเอกซเรย์แล้วเหมือนมีอาการปอดอักเสบ กำลังวินิจฉัยว่า การปอดอักเสบครั้งนี้เกี่ยวข้องกับไวรัสโคโรนา หรือเป็นประเด็นการติดเชื้อซ้ำเติมจากแบคทีเรีย ต้องแยกออกมา เนื่องจากระหว่างที่พักฟื้น 30 วัน ร่างกายแต่ละคนอาจไม่เหมือนกันในการสร้างภูมิคุ้มกัน บางคนเร็ว บางคนช้า โรคนี้เป็นโรคใหม่ต้องเก็บข้อมูลเรียนรู้กันไป เมื่อไรที่ร่างกายมีระดับภูมิคุ้มกันที่จะป้องกันไม่ให้ตัวเองติดเชื้อซ้ำได้ เมื่อเรายังมีความรู้เรื่องนี้น้อย ก็ต้องดูแลคนไข้ให้ได้มาตรฐานที่สุด รายเชียงรายจึงอยู่ระหว่างสอบสวนและวินิจฉัยเพิ่มเติม ว่า สาเหตุการป่วยครั้งหลัง เป็นจากการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม หรือเชื้อโคโรนาไวรัส
เมื่อถามถึงกรณีคนเริ่มออกจากบ้านมากขึ้น นพ.อนุพงศ์ กล่าวว่า พอสังคมเห็นว่าเรามีแนวโน้มผู้ป่วยน้อยลง ก็เห็นว่า ออกมาบนถนนมากขึ้น หลังจากช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อน จำนวนรถบนถนนลดลงไปอย่างมาก พอสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มเห็นปรากฏการณ์คนเริ่มออกมา ก็เริ่มน่าเป็นห่วง เพราะคนที่ลำบากเดือดร้อนไม่สามารถทำมาหากินได้ มีรายได้ แต่สิ่งที่เราต้องระมัดระวัง คือ เรื่องของการแพร่โรค เราต้องตัดสินใจดีๆ ว่า เราจะอยู่กับโรคอย่างไร ขณะเดียวกัน กำลังมีคนไทยขอกลับมาประเทศไทย เพราะอยู่ในประเทศที่มีโรคระบาดต่อเนื่อง อย่าง 3 วันที่ผ่านมา ก็ทยอยกลับมาวันละมากกว่า 350 ราย เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง การผ่อนคลายมาตรการไม่หยุดอยู่บ้าน ไม่ทำสุขอนามัยที่เข้มข้น ไม่เว้นระยะห่าง ไม่สวมหน้ากากอนามัย จะไปสู่การแพร่โรคติดเชื้อ