“อนุทิน” ขอประชาชนอย่าเพิ่งประมาท หลังตัวเลขผู้ป่วยโควิดรายใหม่เริ่มนิ่ง ห่วงปฏิบัติตัวไม่เข้มข้น ผู้ป่วยอาจกลับมาสูง แจงมีการผ่อนคลายมาตรการแน่ แต่ต้องพิจารณาเป็นรายพื้นที่ ดูจังหวะที่เหมาะสม ผ่อนคลายด้วยความเข้าใจ วางแผนที่ดี ไม่ให้เชื้อกระจายเพิ่ม หากสถานการณ์ดีจะเสนอ ศบค.พิจารณา
วันนี้ (15 เม.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รับมอบเงินบริจาค 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย และ บริษัท โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อสมทบทุนให้กับมูลนิธิกรมการแพทย์ในการจัดบริการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และรับมอบเฟซชิลด์ 77,650 ชิ้น จากบริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) รับมอบกล่องป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ 310 กล่อง จากคณะนักศึกษาหลักสูตร MCOT Making the CEO รุ่นที่ 2 และรับมอบหน้ากากอนามัย (Surgical mask) 100,000 ชิ้น เจลแอลกอฮอล์ 50,000 ml. จากบริษัท เวิลด์คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด
นายอนุทิน กล่าวว่า ขอบคุณคนไทยใจบุญไม่เคยทิ้งกันยามยาก สิ่งที่นำมามอบ ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงอาหารสำเร็จรูป สิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์มากสำหรับประเทศไทยตอนนี้ ทุกชิ้นเป็นประโยชน์ เป็นความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นของบุคลากรทางการแพทย์ ช่วยให้ดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มที่โดยกังวลเรื่องการติดเชื้อน้อยลง นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมาประเทศไทยมีจำนวนผู้รักษาหายแล้วมากกว่าคนที่ยังรักษาตัวอยู่ใน รพ. แปลว่าเราจะมีเตียง มีอุปกรณ์การแพทย์ และบุคลากรการแพทย์สำหรับดูแลคนที่อาจจะเจ็บป่วยต่อไป
นายอนุทิน กล่าวว่า ประชาชนยังต้องใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง อย่าเพิ่งวางใจสถานการณ์ ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่นิ่ง แสดงว่าประชาชนให้ความร่วมมือปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่รัฐกำหนด แต่อยากให้นิ่งอย่างนี้ไปอีกสักระยะจนมั่นใจว่าจะไม่มีคนที่มีความสามารถในการแพร่เชื้อได้จำนวนมาก และรวดเร็ว (Super Spreader) เพราะฉะนั้นขออย่าเพิ่งประมาท เพราะถ้าเราเริ่มหย่อนกฎเกณฑ์ หรือการปฏิบัติตนอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อเพิ่มได้ เหมือนหลายๆ ประเทศที่มีการผ่อนคลายสถานการณ์ก็กลับมาพบผู้ป่วยอีก
“อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ผ่อนคลายเลย แต่เราจะผ่อนคลายด้วยความเข้าใจ ด้วยการวางแผนที่ดี เมื่อผ่อนคลายแล้วให้ประชาชนใช้ชีวิตปกติที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ต้องมีความเข้าใจและช่วยกันหาวิธีป้องกันไม่ให้เชื้อนี้แพร่กระจายเพิ่มมากขึ้น แต่ต้องดูจังหวะที่เหมาะสม พิจารณาเป็นรายพื้นที่ เพราะบางพื้นที่ยังมีการแพร่กระจายโรค บางพื้นที่ควบคุมได้ดีแล้ว ดังนั้น ต้องดูเป็นพื้นที่ที่ไป เราเพิ่งนิ่งมา 2 สัปดาห์ ขอให้มั่นใจก่อนว่าไม่ขาดตกบกพร่องการคุมสถานการณ์แล้วกระทรวงสาธารณสุขจะเสนอให้ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. พิจารณาอีกครั้ง บนพื้นฐานความปลอดภัยของประชาชน บุคลากรสาธารณสุข” นายอนุทิน กล่าว