พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เดือนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน โดยยอมรับว่า รัฐบาลมีเงินมากพอที่จะจ่ายให้เดือนนี้เดือนเดียวเท่านั้น โดยใช้เงินจากงบกลางจำนวน 50,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 2 เดือน ต้องรอเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะกู้เงินมาจากที่ไหน คาดว่าจะมีความชัดเจน และเริ่มกู้ได้ไม่เกินต้นเดือนพฤษภาคมนี้ เช่นเดียวกับมาตรการเยียวยาเกษตรกร 17 ล้านคน และกลุ่มอาชีพอื่น ๆ ที่ต้องรอเงินกู้นี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเมื่อรวมงบกลาง กับเงินกู้ และเงินจากกระทรวงต่างๆ ร้อยละ 10 ก็จะมีเงินหมุนเวียน 1 แสนล้านบาท แต่การจะนำเงินมาใช้ต้องรอให้สภาอนุมัติก่อน ยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลทุกคนอย่างเต็มที่ แต่ขั้นตอนทั้งหมดจะต้องถูกต้องตามกฎหมายและไม่มีการทุจริต
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยด้วยว่า สัปดาห์สุดท้ายของเดือนนี้จะมีการพิจารณา 3 เรื่อง คือ การขยายเวลาการใช้พระราชกำหนดฉุกเฉิน การยืดวันใช้เคอร์ฟิว ช่วง 22.00-04.00น. ออกไป และการพิจารณาว่าจะอนุญาตให้สถานประกอบการต่างๆ กลับมาเปิดร้านได้ตามปกติหรือไม่ หลังสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ในไทยเริ่มดีขึ้น แม้มีการผ่อนปรน แต่ทุกอย่างก็จะค่อยเป็นค่อยไป และผู้ประกอบการต้องมีความพร้อมในการรองรับประชาชนเพื่อไม่ให้การระบาดกลับมาอีก พร้อมขอบคุณคนไทยในต่างประเทศที่กลับมาแล้วกักตัวตามนโยบายของรัฐ ส่วนคนไทยที่เหลือกำลังประสานหาช่องทางรับกลับมา
ขณะเดียวกัน ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งจัดการกับคนลอบเผาป่าอย่างเด็ดขาดด้วย