ผู้ป่วยโควิดรายใหม่ยังทรงๆ พบเพิ่ม 30 ราย เสียชีวิต 2 ราย ยอดสะสมรวม 2,643 ราย กลับบ้านแล้ว 1,497 ราย ยังรักษาใน รพ. 1,103 ราย เผยยังพบมากในกลุ่มสัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้าถึง 19 ราย
วันนี้ (15 เม.ย.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวประจำวัน ว่า วันนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่จำนวน 30 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย ส่งผลให้ผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 2,643 ราย รักษาหายกลับบ้านรวม 1,497 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 1,103 ราย ทั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือร่วมใจที่ลดตัวเลขลง ถ้าไม่ร่วมมือร่วมใจจะเห็นภาพการพยากรณ์เมื่อเดือนที่แล้ว ที่คาดในทางเลวร้ายที่สุด คือ ติดไปถึง 3.5 แสนกว่าคนในวันนี้ ขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันปฏิบัติและคุมตัวเลขได้ประมาณนี้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับผู้เสียชีวิตใหม่ 2 ราย ได้แก่ 1. หญิงไทยอายุ 65 ปี อาชีพขายอาหารที่ถนนคนเดิน มีโรคประจำตัว คือ โรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง ความดันโลหิตสูง วันที่ 7 มี.ค. มีอาการไข้สูง ไอ โดยซื้อยามากินเอง วันที่ 12 มี.ค. อาการไม่ดีขึ้น จึงไปตรวจที่ รพ.เอกชน ในเชียงใหม่ มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันคือสมาชิกในบ้านช่วงเวลาตอนนั้น ต่อมาวันที่ 15 มี.ค. มีอาการหน้ามืด จึงไป รพ.แห่งเดิมแล้วกลับมารักษาตัวที่บ้าน วันที่ 17 มี.ค. ส่งตรวจหาเชื้อและเข้ารับการรักษา รพ.รัฐ วันที่ 18 มี.ค. ยังรู้สึกตัวดี แต่มีอาการเหนื่อย และได้ผลยืนยันว่า เป็นโควิด วันที่ 19 มี.ค.แพทย์ให้ยารักษาอย่างดี คือ ฟาวิพิราเวียร์ แต่วันที่ 22 มี.ค. ผู้ป่วยหายใจเหนื่อยหอบมากขึ้น ผลเอกซเรย์ปอด มีอักเสบรุนแรง หัวใจโต ต่อมาวันที่ 6 เม.ย.ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว ความดันโลหิตตก รับยากระตุ้นการทำงานหัวใจ แต่อาการไม่ดีขึ้นจนเสียชีวิตวันที่ 13 เม.ย.
2. ชาวไทยอายุ 60 ปี ไปร่วมพิธีศาสนาที่อินโดนีเซีย เดินทางกลับไปไทยวันที่ 24 มี.ค. ต่อมาวันที่ 2 เม.ย. มีอาการไข้สูง 38.4 องศาเซลเซียส มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เข้ารับการรักษาที่ รพ.แห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยส่งตรวจหาเชื้อและผลยืนยัน แต่อาการแย่ลงเรื่อยๆ จนเสียชีวิตวันที่ 14 เม.ย.
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 30 ราย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวัง จำนวน 29 ราย แบ่งเป็น กลุ่มสัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้า 19 ราย คนไทยกลับจากต่างประเทศ คือ ฝรั่งเศส 1 ราย ไปสถานที่ชุมชน เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว 2 ราย และอยู่ระหว่างสอบสวนโรค 7 ราย และ 2. เดินทางกลับจากต่างประเทศโดยอยู่ในสถานที่กักตัวของรัฐ 1 ราย ที่ กทม. เป็นผู้เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกามาต่อเครื่องที่ญี่ปุ่น